ตลาดเตรียมเรียกเก็บเงินSET 100 - SET 50 จากบลจ.ที่นำไปใช้ออกสินค้าเสนอขายนักลงทุน หลังปล่อยใช้ฟรีช่วงแรกเพื่อโปรโมท ยืนยันราคาไม่แพงจนกระทบต้นทุน พร้อมเร่งหารือ "ฟุ้ตซี่ อินเตอร์ฯ"จัดทำดัชนีใหม่ออกมาเพิ่มอีก ล่าสุดมีบลจ. 2-3 รายสนใจนำ "ฟุ้ตซี เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรี่ส์"ไปอ้างอิงในการออกสินค้าใหม่แล้ว คาดเริ่มเปิดขายในช่วงต้นปีหน้า
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวคิดที่จะมีการเก็บค่าใช้บริการที่มีการนำดัชนีตลาดหุ้นไทย เช่น SET100 SET50 เพื่อนำไปอ้างอิงในการออกสินค้าเสนอขายแก่นักลงทุน ซึ่งในอดีตถึงปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ได้มีการเก็บค่าบริการในส่วนนี้ เพราะ ต้องการโปรโมทให้มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และสถาบันการเงินต่างๆมีการออกสินค้าที่อ้างอิงกับดัชนีตลาดหุ้นไทย
สำหรับขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการศึกษาและเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นในต่างประเทศว่าจะมีการเก็บค่าใช้จ่ายในสัดส่วนเท่าไร แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะเก็บค่าใช้บริการก็ต่อเมื่อผู้นำไปอ้างอิงมีรายได้จริงที่เกิดจากการนำดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯไปใช้เท่านั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะมีการหารือกับนักลงทุนสถาบันต่างๆอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในส่วนผู้นำไปใช้เพื่อการดูข้อมูลราคาหุ้นก็จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย แต่อย่างใด
“เดิมนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯเก็บค่าใช้บริการดัชนีตลาดหุ้นไทยเฉพาะผู้ที่นำดัชนีตลาดหุ้นไปขายต่อเช่น รอยเตอร์ บลูมเบิร์ก แต่ไม่ได้เก็บค่าใช้บริการกับผู้ที่นำดัชนีของตลาดไปอ้างอิงในการออกสินค้าเสนอขายแก่นักลงทุน ซึ่งในตลาดหุ้นในต่างประเทศนั้นมีการเก็บค่าใช้จ่ายเรื่องดังกล่าวมานานแล้ว เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ของตลาดหุ้น ส่วนราคาที่เรียกเก็บนั้นจะไม่แพงจนเกินไป โดยเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้จากการขายสินค้านั้นๆ”กรรมการและผู้จัดการตลท. กล่าว
**บลจ.แห่ขอนำไปจัดตั้งกองทุน**
ด้าน นายสันติ กีระนันทน์ ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ และผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ กล่าวว่า จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการทำสัญญาความร่วมมือกับฟุ้ตซี่ อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นเวลา 5 ปีในการร่วมพัฒนาดัชนีใหม่ ซึ่งหลังจากที่ฟุ้ตซี เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรี่ส์ (FTSE SET Index Series) มีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม2551 นี้ ทางฟุ้ตซี่ อินเตอร์ฯจะเริ่มมีการสำรวจความต้องการของสถาบันและนักลงทุนว่าต้องการที่จะให้มีการจัดทำดัชนีเพิ่มอีกหรือไม่ โดยในปลายเดือนนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯและฟุ้ตซี่จะมีการหารืออีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะมีการพัฒนาดัชนีใหม่เพิ่มเติมอีกจำนวนเท่าไร แต่จากการที่ฟุ้ตซี่เป็นผู้จัดทำดัชนีที่มีความเชี่ยวชาญและทำดัชนีให้กับตลาดหุ้นต่างๆทั่วโลกมานาน ตลท.จึงเชื่อว่าประสบการณ์ของกับฟุ้ตซี่ อินเตอร์ฯจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีการออกดัชนีใหม่ที่เป็นสากลและมีความน่าสนใจตรงความต้องการของนักลงทุนเพิ่มขึ้น
“เทรนด์ตลาดหุ้นทั่วโลกขณะนี้จะมีการออกสินค้าต่างๆโดยอ้างอิงกับดัชนีของตลาดหุ้นนั้นๆจำนวนมาก โดยเฉพาะกองทุนอีทีเอฟและตราสารคุ้มครองเงินต้น อาทิหลายประเทศจะมีการออกดัชนีชาลีอะห์ เช่น ฮ่องกงและโตเกียว เพื่อที่จะเสนอขายแก่นักลงทุนในแถบตะวันออกกลางทั้งที่ 2 ประเทศนั้นมีชาวมุสลิมน้อยมาก ส่วนตลาดหุ้นไทยก็มีความสนใจที่จะออกดัชนีดังกล่าสวอยู่เช่นกัน”นายสันติ กล่าวว่า
สำหรับดัชนีฟุ้ตซี เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรี่ส์ (FTSE SET Index Series) ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้เริ่มมีการเปิดเผยแพร่แล้วอย่างไม่เป็นทางการไปแล้วตั้งแต่วานนี้(2เม.ย.) โดยขณะนี้มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 2-3 แห่ง แสดงความสนใจที่จะออกกองทุนอิควิตี้อีทีเอฟ (อีทีเอฟ)เพื่ออ้างอิงกับดัชนี FTSE SET Large Cap และดัชนี FTSE SET Mid Cap ทั้งนี้คาดจะสามารถออกกองทุนอีทีเอฟดังกล่าวได้ในต้นปีห2552
นอกจากนี้ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)หรือ TFEX อยู่ระหว่างการศึกษาที่จะมีการออกสินค้าเพื่ออ้างอิงกับดัชนี FTSE SET Index เช่นกัน โดยจะมีการพิจารณาจะมีการออกสินค้าอิงกับดัชนีใดดัชนีหนึ่ง จากทั้งหมด 6 ดัชนี หรืออาจมีการออกสินค้าอิงกับทุกดัชนีที่มีการจัดตั้งออกมา
นายสันติ กล่าวว่า หากมีผู้สนใจมาออกสินค้าที่อิงกับ FTSE SET Indexฯนั้นจะต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนที่เป็นนำไปอ้างอิงออกสินค้าและการดูข้อมูลให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยรายได้ดังกล่าวจะแบ่งระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯและ ฟุ้ตซี่ อินเตอร์เนชั่นฯ เพราะขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวคิดที่จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯเช่นกัน คือ SET100 SET50ฯลฯในการที่จะนำไปอ้างอิงกับการออกสินค้าต่างๆเพื่อเสนอขายแก่นักลงทุน
ขณะเดียวกัน ในเฟสแรกนี้ การเผยแพร่ดัชนี FTSE SET Index Series จะประกอบไปด้วยดัชนีจำนวน 6 ตัว ได้แก่ 1.ดัชนีสำหรับใช้อ้างอิงผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ (Tradable Index) 1 ตัว คือ ดัชนี FTSE SET Large Cap ประกอบด้วยหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) สูงสุด 30 ตัว 2.ดัชนีสำหรับใช้อ้างอิงและเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน (Benchmark Index) จำนวน 5 ตัว ได้แก่ดัชนี FTSE SET Mid Cap ประกอบด้วยหุ้นที่มี market cap รวมกันถึง 90% แต่ไม่อยู่ใน Large Cap Index
3.ดัชนี FTSE SET Small Cap ประกอบไปด้วยหุ้นที่มี market cap รวมกันถึง 98% แต่ไม่อยู่ใน LargeCap Index และ Mid Cap Index 4.ดัชนี FTSE SET All-Share ประกอบไปด้วยหุ้นที่มี Market Cap รวมกันถึงระดับ 98% ครอบคลุมหุ้น ในดัชนี FTSE SET Large Cap ดัชนี FTSE SET Mid Cap และดัชนี FTSE SET Small Cap ดัชนี FTSE SET Mid /Small Cap ประกอบไปด้วยหุ้นที่อยู่ในดัชนี FTSE SET Mid Cap และดัชนี FTSE SET Small Cap รวมกัน และ6.ดัชนี FTSE SET Fledgling ประกอบไปด้วยหุ้นที่มีขนาดเล็ก ที่ไม่ได้มีการนำไปรวมคำนวนอยู่ใน All-Shares Index โดยมี Market Cap รวมประมาณ 2%
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวคิดที่จะมีการเก็บค่าใช้บริการที่มีการนำดัชนีตลาดหุ้นไทย เช่น SET100 SET50 เพื่อนำไปอ้างอิงในการออกสินค้าเสนอขายแก่นักลงทุน ซึ่งในอดีตถึงปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ได้มีการเก็บค่าบริการในส่วนนี้ เพราะ ต้องการโปรโมทให้มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และสถาบันการเงินต่างๆมีการออกสินค้าที่อ้างอิงกับดัชนีตลาดหุ้นไทย
สำหรับขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการศึกษาและเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นในต่างประเทศว่าจะมีการเก็บค่าใช้จ่ายในสัดส่วนเท่าไร แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะเก็บค่าใช้บริการก็ต่อเมื่อผู้นำไปอ้างอิงมีรายได้จริงที่เกิดจากการนำดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯไปใช้เท่านั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะมีการหารือกับนักลงทุนสถาบันต่างๆอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในส่วนผู้นำไปใช้เพื่อการดูข้อมูลราคาหุ้นก็จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย แต่อย่างใด
“เดิมนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯเก็บค่าใช้บริการดัชนีตลาดหุ้นไทยเฉพาะผู้ที่นำดัชนีตลาดหุ้นไปขายต่อเช่น รอยเตอร์ บลูมเบิร์ก แต่ไม่ได้เก็บค่าใช้บริการกับผู้ที่นำดัชนีของตลาดไปอ้างอิงในการออกสินค้าเสนอขายแก่นักลงทุน ซึ่งในตลาดหุ้นในต่างประเทศนั้นมีการเก็บค่าใช้จ่ายเรื่องดังกล่าวมานานแล้ว เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ของตลาดหุ้น ส่วนราคาที่เรียกเก็บนั้นจะไม่แพงจนเกินไป โดยเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้จากการขายสินค้านั้นๆ”กรรมการและผู้จัดการตลท. กล่าว
**บลจ.แห่ขอนำไปจัดตั้งกองทุน**
ด้าน นายสันติ กีระนันทน์ ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ และผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ กล่าวว่า จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการทำสัญญาความร่วมมือกับฟุ้ตซี่ อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นเวลา 5 ปีในการร่วมพัฒนาดัชนีใหม่ ซึ่งหลังจากที่ฟุ้ตซี เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรี่ส์ (FTSE SET Index Series) มีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม2551 นี้ ทางฟุ้ตซี่ อินเตอร์ฯจะเริ่มมีการสำรวจความต้องการของสถาบันและนักลงทุนว่าต้องการที่จะให้มีการจัดทำดัชนีเพิ่มอีกหรือไม่ โดยในปลายเดือนนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯและฟุ้ตซี่จะมีการหารืออีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะมีการพัฒนาดัชนีใหม่เพิ่มเติมอีกจำนวนเท่าไร แต่จากการที่ฟุ้ตซี่เป็นผู้จัดทำดัชนีที่มีความเชี่ยวชาญและทำดัชนีให้กับตลาดหุ้นต่างๆทั่วโลกมานาน ตลท.จึงเชื่อว่าประสบการณ์ของกับฟุ้ตซี่ อินเตอร์ฯจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีการออกดัชนีใหม่ที่เป็นสากลและมีความน่าสนใจตรงความต้องการของนักลงทุนเพิ่มขึ้น
“เทรนด์ตลาดหุ้นทั่วโลกขณะนี้จะมีการออกสินค้าต่างๆโดยอ้างอิงกับดัชนีของตลาดหุ้นนั้นๆจำนวนมาก โดยเฉพาะกองทุนอีทีเอฟและตราสารคุ้มครองเงินต้น อาทิหลายประเทศจะมีการออกดัชนีชาลีอะห์ เช่น ฮ่องกงและโตเกียว เพื่อที่จะเสนอขายแก่นักลงทุนในแถบตะวันออกกลางทั้งที่ 2 ประเทศนั้นมีชาวมุสลิมน้อยมาก ส่วนตลาดหุ้นไทยก็มีความสนใจที่จะออกดัชนีดังกล่าสวอยู่เช่นกัน”นายสันติ กล่าวว่า
สำหรับดัชนีฟุ้ตซี เซ็ท อินเด็กซ์ ซีรี่ส์ (FTSE SET Index Series) ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้เริ่มมีการเปิดเผยแพร่แล้วอย่างไม่เป็นทางการไปแล้วตั้งแต่วานนี้(2เม.ย.) โดยขณะนี้มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 2-3 แห่ง แสดงความสนใจที่จะออกกองทุนอิควิตี้อีทีเอฟ (อีทีเอฟ)เพื่ออ้างอิงกับดัชนี FTSE SET Large Cap และดัชนี FTSE SET Mid Cap ทั้งนี้คาดจะสามารถออกกองทุนอีทีเอฟดังกล่าวได้ในต้นปีห2552
นอกจากนี้ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)หรือ TFEX อยู่ระหว่างการศึกษาที่จะมีการออกสินค้าเพื่ออ้างอิงกับดัชนี FTSE SET Index เช่นกัน โดยจะมีการพิจารณาจะมีการออกสินค้าอิงกับดัชนีใดดัชนีหนึ่ง จากทั้งหมด 6 ดัชนี หรืออาจมีการออกสินค้าอิงกับทุกดัชนีที่มีการจัดตั้งออกมา
นายสันติ กล่าวว่า หากมีผู้สนใจมาออกสินค้าที่อิงกับ FTSE SET Indexฯนั้นจะต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนที่เป็นนำไปอ้างอิงออกสินค้าและการดูข้อมูลให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยรายได้ดังกล่าวจะแบ่งระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯและ ฟุ้ตซี่ อินเตอร์เนชั่นฯ เพราะขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวคิดที่จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯเช่นกัน คือ SET100 SET50ฯลฯในการที่จะนำไปอ้างอิงกับการออกสินค้าต่างๆเพื่อเสนอขายแก่นักลงทุน
ขณะเดียวกัน ในเฟสแรกนี้ การเผยแพร่ดัชนี FTSE SET Index Series จะประกอบไปด้วยดัชนีจำนวน 6 ตัว ได้แก่ 1.ดัชนีสำหรับใช้อ้างอิงผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ (Tradable Index) 1 ตัว คือ ดัชนี FTSE SET Large Cap ประกอบด้วยหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) สูงสุด 30 ตัว 2.ดัชนีสำหรับใช้อ้างอิงและเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน (Benchmark Index) จำนวน 5 ตัว ได้แก่ดัชนี FTSE SET Mid Cap ประกอบด้วยหุ้นที่มี market cap รวมกันถึง 90% แต่ไม่อยู่ใน Large Cap Index
3.ดัชนี FTSE SET Small Cap ประกอบไปด้วยหุ้นที่มี market cap รวมกันถึง 98% แต่ไม่อยู่ใน LargeCap Index และ Mid Cap Index 4.ดัชนี FTSE SET All-Share ประกอบไปด้วยหุ้นที่มี Market Cap รวมกันถึงระดับ 98% ครอบคลุมหุ้น ในดัชนี FTSE SET Large Cap ดัชนี FTSE SET Mid Cap และดัชนี FTSE SET Small Cap ดัชนี FTSE SET Mid /Small Cap ประกอบไปด้วยหุ้นที่อยู่ในดัชนี FTSE SET Mid Cap และดัชนี FTSE SET Small Cap รวมกัน และ6.ดัชนี FTSE SET Fledgling ประกอบไปด้วยหุ้นที่มีขนาดเล็ก ที่ไม่ได้มีการนำไปรวมคำนวนอยู่ใน All-Shares Index โดยมี Market Cap รวมประมาณ 2%