ปตท.ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกน้ำมันทุกชนิดอีกลิตรละ 50 สต. โดยมีผล 05.00 น. พรุ่งนี้ ส่งผลให้น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 34.59 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.44 บาท ผู้บริหารฯ ยอมรับต้นทุนพุ่งสูงขึ้น หลังราคาในตลาดโลกกลับมาทำสถิติใหม่
วันนี้(31 มี.ค.) นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า ปตท.ขอประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกผลิตภัณฑ์อีกลิตรละ 50 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกกลับมาทำสถิติใกล้เคียงกับจุดสูงสุดเดิม
"ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องอีกครั้ง ทำให้ต้นทุนซึ่งเดิมเคยสูงอยู่แล้วเพิ่มมากขึ้น ปตท.จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 50 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.ของวันที่ 1 เม.ย.นี้"
โดยการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลของ ปตท.วันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 34.59 บาท , เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 33.49 บาท , แก๊สโซฮอลล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 30.59 บาท , แก๊สโซฮอลล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 29.79 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.44 บาท
นายชัยวัฒน์ ระบุว่า ช่วงที่ผ่านมา ปตท. และกระทรวงพลังงาน พยายามหาทางแบ่งเบาภาระของผู้บริโภค ด้วยการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน และรับภาระต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้นบางส่วนแทนโดยชะลอการปรับขึ้นราคาให้ช้าที่สุด ส่งผลให้ค่าการตลาดปัจจุบันเฉลี่ยเพียง 8 สตางค์/ลิตรเท่านั้น ซึ่งทำให้ ปตท. ต้องแบกรับภาระขาดทุนถึงลิตรละ 1.42 บาท (วันละประมาณ 30 ล้านบาท) โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ ปตท.ช่วยรับภาระแทนผู้บริโภคไปแล้วประมาณ 1,600 ล้านบาท
ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 98.23 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล(เพิ่มขึ้น 4.23 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 112.97 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 8.71 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) น้ำมันดีเซล ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 131.94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น ถึง 6.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล)
นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเป็นผลมาจากปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐลดต่ำลงกว่าคาดการณ์, ข่าวเหตุลอบวางระเบิดท่อขนส่งน้ำมันทางตอนใต้ของประเทศอิรัก ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบลดลง ขณะที่ความต้องการน้ำมันในเอเชียยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะประเทศจีนมีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นถึง 22%
