กรุงไทยออกโครงการ “เพิ่มผลผลิต SMEsทวีคูณ” ให้ลูกค้า SMEs กู้เพื่อขยายการลงทุนและเสริมสภาพคล่อง ในวงเงินเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านจากที่แบงก์ชาติจัดสรรมา
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้มีมาตรการช่วยเหลือ SMEs โดยจัดสรรวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ปล่อยกู้ผ่านสถาบันการเงินให้กับธุรกิจ SMEs ในภาคการผลิตและบริการที่ต้องการสินเชื่อในการลงทุน เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เทคโนโลยีและกระบวนการผลิต เป็นระยะเวลา 36 เดือน โดยคิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR -2.25% ต่อปีนั้น
ธนาคารมีความพร้อมในการให้บริการกับลูกค้า SMEs ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ต่อยอดมาตรการดังกล่าว โดยออกโครงการ “เพิ่มผลผลิต SMEsทวีคูณ” ซึ่งได้เตรียมวงเงินกู้เพิ่มอีกจำนวน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งที่เป็นลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ของธนาคารกู้ เพื่อขยายการลงทุนและเสริมสภาพคล่อง โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำพิเศษ ได้วงเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรสำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตถึง 100% ของราคาซื้อขาย นอกจากนี้ธนาคารยังลดค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยในการทำธุรกรรมการค้าด้านต่างประเทศ (Trade Finance) และบริการจัดการทางการเงิน (Cash Management) อีกด้วย
นายอภิศักดิ์กล่าวอีกว่า คาดว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ SMEs เนื่องจากธนาคารเพิ่มกลุ่มลูกค้าและวัตถุประสงค์การกู้ เพื่อสนับสนุนมาตรการของธปท. โดยครอบคลุมลูกค้าในทุก Sector ซึ่งรวมถึงธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก และรวมถึงการ Re-Finance การกู้เพื่อซื้อที่ดิน รวมทั้งการซื้อ ซ่อม สร้าง ปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ที่สำคัญจากมาตรการทางภาษีใหม่ รัฐบาลได้ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ประกอบการ SMEs เช่น SMEs ที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท ที่มีกำไรสุทธิ 1.5 แสนบาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี กรณี SMEs ที่ลงทุนในโปรแกรมคอมพิวเตอร์และทรัพย์สินอื่นๆ สามารถหักค่าเสื่อมราคาเบื้องต้นได้
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้มีมาตรการช่วยเหลือ SMEs โดยจัดสรรวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ปล่อยกู้ผ่านสถาบันการเงินให้กับธุรกิจ SMEs ในภาคการผลิตและบริการที่ต้องการสินเชื่อในการลงทุน เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เทคโนโลยีและกระบวนการผลิต เป็นระยะเวลา 36 เดือน โดยคิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR -2.25% ต่อปีนั้น
ธนาคารมีความพร้อมในการให้บริการกับลูกค้า SMEs ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ต่อยอดมาตรการดังกล่าว โดยออกโครงการ “เพิ่มผลผลิต SMEsทวีคูณ” ซึ่งได้เตรียมวงเงินกู้เพิ่มอีกจำนวน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งที่เป็นลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ของธนาคารกู้ เพื่อขยายการลงทุนและเสริมสภาพคล่อง โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำพิเศษ ได้วงเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรสำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตถึง 100% ของราคาซื้อขาย นอกจากนี้ธนาคารยังลดค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยในการทำธุรกรรมการค้าด้านต่างประเทศ (Trade Finance) และบริการจัดการทางการเงิน (Cash Management) อีกด้วย
นายอภิศักดิ์กล่าวอีกว่า คาดว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ SMEs เนื่องจากธนาคารเพิ่มกลุ่มลูกค้าและวัตถุประสงค์การกู้ เพื่อสนับสนุนมาตรการของธปท. โดยครอบคลุมลูกค้าในทุก Sector ซึ่งรวมถึงธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก และรวมถึงการ Re-Finance การกู้เพื่อซื้อที่ดิน รวมทั้งการซื้อ ซ่อม สร้าง ปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ที่สำคัญจากมาตรการทางภาษีใหม่ รัฐบาลได้ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ประกอบการ SMEs เช่น SMEs ที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท ที่มีกำไรสุทธิ 1.5 แสนบาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี กรณี SMEs ที่ลงทุนในโปรแกรมคอมพิวเตอร์และทรัพย์สินอื่นๆ สามารถหักค่าเสื่อมราคาเบื้องต้นได้