เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้รับบทเรียนระหว่างการเทศนา โดยมีวีดีโอคลิป 2 เรื่อง เรื่องแรก เป็นเรื่องของฝูง "ควาย" ซึ่งเห็นอยู่ 3 ตัว ดูตามขนาดแล้วประมาณว่าเป็น พ่อ แม่ ลูก (แต่ไม่รู้แน่ เพราะคุยกับมันไม่รู้เรื่อง) ระหว่างที่กำลังเดินไป มีสิงโตหมอบรออยู่ข้างหน้าประมาณ 4-5 ตัว มันหมอบจ้องรอจังหวะอย่างน่ากลัว เมื่อได้จังหวะ มันก็กระโจนเข้าใส่ ควายตัวใหญ่ 2 ตัววิ่งได้เร็วหน่อย ก็หนีทัน ควายตัวเล็กที่น่าสงสารถูกตะปบอยู่ และพลัดตกลงไปในน้ำ สิงโตที่เหลือก็รุมล้อม ประมาณว่ารุมกินโต๊ะเท่านั้นยังไม่พอ มีจระเข้โผล่มาจากในน้ำ ตามมาร่วมกินโต๊ะด้วย สิงโต กับจระเข้ก็กัดและลากดึงเจ้าควายน้อย แต่ท้ายที่สุด จระเข้ก็สู้แรงสิงโตจำนวนมากไม่ไหว ก็ต้องปล่อยควายน้อยไป เหล่าสิงโตก็รุมขย้ำเจ้าควายน้อยต่อไป
แต่แล้ว ฝูงควายก็เคลื่อนกำลังเข้ามาใกล้ ประมาณ 10-20 ตัว จดๆจ้องๆ กล้าๆกลัวๆ แต่แล้วก็มีควายผู้กล้าอยู่ตัว วิ่งเข้าไปไล่ฝูงสิงโต ก็มีสิงโตตัวหนึ่งหนีกระเจิงไปได้ แต่ควายก็ฉลาด (กว่าที่เราคิดเสียอีก) มันก็ถอยเข้าฝูงเหมือนกัน ไม่กล้าแตกแถวออกไปเห็นฝูงควายรีๆรอๆอยู่รอบๆ สิงโตตัวที่เหลือก็ยังอยู่รอบโต๊ะ (เจ้าควายน้อย) ก็มีควายผู้กล้าและเก่งอีกตัว เข้าไปหาสิงโต คราวนี้สามารถขวิดจนสิงโตกระเด็นขึ้นไป และวิ่งหนีไปเลย
แม้มีภัยเช่นนั้น สิงโตที่เหลือก็ยังพยายามกินโต๊ะต่อไป แต่บรรดาควายทั้งหลาย เมื่อเริ่มมีความคืบหน้า ก็ชักไม่กลัวแล้ว ในที่สุด ก็กดดันจนเหล่าสิงโตพ่ายถอยไป
ภาพที่น่ายินดีคือ ควายน้อยตัวนั้น แม้จะมีร่างกายที่โชกเลือด แต่กลับลุกขึ้นและกลับเข้าฝูงไปได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนพลังแห่งความสามัคคีอย่างแท้จริงวีดีโอคลิปอีกเรื่อง ก็เป็นความมหัศจรรย์ เป็นเรื่องของการจับปลา โดยไม่ใช้อวน ไม่ใช้แห ไม่ใช้เบ็ด ใช้แต่เพียง "ความสว่าง" ในความมืดที่เรือแล่นไป คนนั่งหัวเรือก็ถือไฟสปอตไลต์ไว้ ปรากฏว่า เห็นปลาจำนวนมากกระโดดขึ้นเรือเพราะมันชอบความสว่าง ช่วงต่อมา เรายังได้ดูกันอย่างอมยิ้มว่า เขาให้คนคุมกล้อง เป็นผู้ถือไฟสปอตไลท์แล้วส่องไปที่คนหัวเรือ ปรากฏว่า ปลากระโดดขึ้นเรือมากเหมือนเดิม รวมถึงกระโดดใส่หน้าคนหัวเรือด้วย เพราะเป็นจุดแห่งความสว่าง จนกระทั่งคนหัวเรือก็หัวเราะและเอามือปิดหน้าไว้ท่ามกลางปลาที่กระโดดเข้าใส่ความสว่างบนหน้าเขาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ผมได้บทเรียนว่า** สังคมต้องมีความรักความสามัคคี อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข มีใจรักสัตย์ซื่อต่อกัน ไม่เอาเปรียบกัน ไม่คดโกงกัน ไม่เบียดเบียนกันเราไม่ควรให้ใครทำให้เราแตกแยก** เราไม่ควรเชื่อว่าสังคมเป็นแค่เรื่องพวกใครพวกใคร แต่สังคมจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ การชี้ถูกผิดนั้น ยังคงต้องมีอยู่ แต่จะต้องเป็นไปอย่างถูกต้องชอบธรรม การโกหกใส่ร้ายก็เป็นเรื่องไม่ดี การบิดเบือนผิดให้เป็นถูกก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม การทุจริตมักจะเกิดขึ้นโดยการเอาประโยชน์ของคนอื่น หรือประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชน์ส่วนตัว จึงเป็นสิ่งที่ควรระงับ ยุติ และปกป้องคนสุจริตไม่ให้ถูกเอาเปรียบ
ในคลิปวีดีโอ ฝูงสัตว์เองที่มีความสามัคคี ก็ยังสามารถปกป้องกันและกันจากผู้คุกคามได้** เราเองต้องรักและสามัคคี เพื่อความเข้มแข็งของบ้านเมือง จากผู้คุกคามทั้งในและต่างประเทศ ที่แน่ๆ หากเราอ่อนแอ ไม่สามัคคีกัน ประเทศก็ไม่สามารถก้าวทันประเทศอื่นๆในโลกได้ หากเรามีปัญหากัน จากคนในประเทศจ้องเอาเปรียบคดโกงกัน บ้านเมืองก็ดำเนินต่อไปลำบาก **เรื่องนี้จึงต้องเป็นเรื่องที่คนไทยทุกฝ่ายทุกคน จะต้องร่วมมือกัน สร้างความสมานฉันท์ในชาติ เพื่อความมั่นคงและเข้มแข็ง
สภาวะตลาดโลกก็ส่งสัญญาณย่ำแย่อย่างที่เราไม่ค่อยเคยเห็นมาก่อน การแข่งขันระหว่างประเทศก็ดูรุนแรงมากขึ้น เศรษฐกิจในประเทศก็ยังดูไม่ถึงกับปรกติ ประชาชนก็ดูเหมือนอยู่บรรยากาศของความกดดัน บ้านเมืองจึงถือได้ว่ามีความเปราะบางอยู่พอสมควร เราจึงต้องรักและสามัคคีกัน ไม่เบียดเบียนกัน
ประเด็นเรื่องแสงสว่าง ผมอธิบายอะไรไม่ได้มากนักกรณีของปลา ได้แต่ดูขำๆ แต่ในด้านของคน ผมเชื่อว่า ทุกคนชอบทางสว่าง (และความสว่างยกเว้นตอนนอน) เพราะมีสันติสุข ปลอดภัย มีความเที่ยงธรรม ไม่ใช่คอยเอาเปรียบกัน ไม่มุ่งเอาประโยชน์ของคนอื่นมาเป็นของตัว แต่มุ่งสร้างประโยชน์เอื้อกันและกัน และตอบแทนกันและกัน ดังนั้น ขอให้บ้านเมือง อยู่ในความสว่างเอาไว้ ประชาชนก็มีสันติสุข ร่มเย็น เป็นธรรม และเป็นสุข หลัก "นิติธรรม" จึงเป็นหลักสำคัญที่ต้องดำรงอยู่ตลอดไป เพื่อให้บ้านเมืองเป็น "แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง" คือเมื่อแผ่นดินใดเป็นธรรม แผ่นดินนั้นก็เป็นทองครับ
มนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com)