LIVE แจงยิบงบการเงินปี 50 อ้างพอร์ตลงทุนที่เกิน 150 ล้าน เกิดจากผลตอบแทนจากการลงทุน ระบุความสัมพันธ์ของผู้บริหารไม่มีผลกับการดำเนินงานและการลงทุนของบริษัท ส่วนการทำรายการระหว่างบริษัทย่อยกับ BLISS รวมถึง บอกซ์ ออฟฟิศ เป็นไปอย่างโปร่งใส ขณะที่ผลการดำเนินงานไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป ไม่เป็นตามคาด เพราะสถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงช่วงปี 49 ทำให้ต้องชะลอลงทุนในจุดที่ไม่มีความแน่นอน
นายวิชัย เบญจพลาพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (LIVE) แจงข้อมูลงบการเงินปี 50 ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ให้ชี้แจง ดังนี้ ในประเด็นแรก รายได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์ซึ่งมิใช่ธุรกิจหลักของบริษัท LIVE ชี้แจงว่าบริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ได้ลงทุนด้วยเงินทุนจำนวน 150 ล้านบาท ต่อมามูลค่าของหลักทรัพย์ที่ลงทุนไว้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนเงินบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทย่อยมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 12/50 วันที่ 21 ธ.ค. 50 จึงได้อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทย่อย โดยให้คณะกรรมการการลงทุนสามารถลงทุนได้เกินกว่า 150 ล้านบาท แต่ส่วนที่เกินกว่าวงเงิน 150 ล้านบาทที่กำหนดไว้เริ่มแรกจะต้องเป็นการนำส่วนของผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมาลงทุนเท่านั้น
ประเด็นที่สอง การลงทุนใน BLISS ซึ่ง LIVE ได้ชี้แจงว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายประเสริฐพงศ์ บูลภักดิ์ ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทและกรรมการของบริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด และเป็นคณะกรรมการควบคุมและตรวจสอบการลงทุนของบริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด กับนางพวงพันธุ์ บูลภักดิ์ ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และผู้ถือหุ้นของ BLISS มีความสัมพันธ์ คือ นายประเสริฐพงศ์ เป็นบุตรของนางพวงพันธุ์
โดยชี้แจงต่อไปว่านายประเสริฐพงศ์ มีกิจการส่วนตัวแยกออกมาจากนางพวงพันธุ์ บูลภักดิ์ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานางพวงพันธุ์ ก็เป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่เคยแสดงเจตนาเข้ามาควบคุมหรือบริหารกิจการของบริษัทแต่อย่างใด ความสัมพันธ์ดังกล่าวจึงไม่มีนัยอื่นใด ขณะที่ตำแหน่งกรรมการควบคุมและตรวจสอบการลงทุน ไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารจัดการในเรื่องของการลงทุนในหลักทรัพย์ เนื่องจากคณะกรรมการการลงทุนจะเป็นผู้ตัดสินใจในการลงทุน
ประเด็นที่สาม รายการระหว่างกันกับ BLISS ซึ่ง LIVE ชี้แจงโดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ข้อมูลของบริษัทย่อยที่เป็นผู้ให้บริการ คือ บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อเผยแพร่ในโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก ซึ่ง LIVE ถือหุ้น 99.10% และบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด รับจ้างโฆษณา ทำป้ายโฆษณาและให้บริการพื้นที่โฆษณา โดยที่ LIVE ถือหุ้น 99.99% โดยมีรายละเอียดรายการ ดังนี้
บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ได้ให้บริการสื่อโฆษณาในรายการต่างๆ ของโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก แก่บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ได้บริการสื่อโฆษณา 2 ประเภท ให้แก่บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) คือ สื่อโฆษณา Hi-Rise Communication เป็นสื่อโฆษณาที่นำเสนอผ่านจอโทรทัศน์ LCD ที่ทำการติดตั้งในอาคารสำนักงานบริเวณลิฟท์โดยสาร และบริเวณโถงรอลิฟท์โดยสาร และสื่อโฆษณา Projector Sign Graphic (PSG) โดยมีรูปแบบที่สำคัญ คือ การใช้แสงฉายเข้ากับผนังอาคาร ทำให้เกิดภาพขนาด 22x50 เมตร ซึ่งเป็นภาพที่มีความคมชัด และเคลื่อนไหวได้เหมือนจริง
ส่วนนโยบายการกำหนดราคา เป็นการกำหนดตามราคาตลาดและใช้นโยบายการดำเนินการเช่นเดียวกับลูกค้ารายอื่น ขณะที่ความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบของ LIVE เกี่ยวกับรายการการให้บริการดังกล่าวว่าเป็นธุรกรรมปกติทางการค้าไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจากคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบแต่อย่างใด และ ณ วันที่เกิดรายการดังกล่าวไม่เข้าเกณฑ์รายการเกี่ยวโยงแต่อย่างใด
ประเด็นที่สี่ รายการค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้าให้บริษัท บอกซ์ ออฟฟิศ เอนเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (บอกซ์ ออฟฟิศ) LIVE ได้ชี้แจ้งว่าลักษณะรายการที่เกิดขึ้นเป็นค่าโฆษณาเครื่องหมายการค้าของบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด โดยเป็นผู้สนับสนุนในการนำภาพยนตร์เข้าฉาย รวมทั้งการใช้สื่อต่างๆ ในการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว
ส่วนสาเหตุที่ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งจำนวน เนื่องจากใช้เกณฑ์เกี่ยวกับการพิจารณาหนี้ค้างชำระที่มีระยะเวลาค้างชำระเกินกว่า 1 ปี บริษัทจะทำการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งจำนวนตามนโยบายของบริษัท สำหรับแนวทางในการติดตามให้ชำระหนี้ บริษัทมีการทวงถามคู่ค้ารายดังกล่าวต่อเนื่อง โดยมีการเสนอทางเลือกต่าง ๆ เพื่อให้มีการตัดหนี้จำนวนดังกล่าวให้ลดลง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเจรจา
ประเด็นสุดท้าย ผลประกอบการในบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อบริษัท นวดิศ จำกัด) LIVE ชี้แจงว่าสาเหตุที่ผลการดำเนินงานของบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดหมายไว้ เนื่องจากบริษัทได้ประเมินราคาบนพื้นฐานเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 49 ซึ่งในขณะนั้นเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับที่ดี แต่ผลกระทบจากภาวะทางการเมืองและการปฏิวัติในช่วงไตรมาส 3/49 ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
บริษัทจึงตัดสินใจชะลอการลงทุนในธุรกิจใหม่ทั้งหมด จากที่การประมาณการว่าจะทำการลงทุนในช่วงกลางปี 49 เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของบริษัท ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยเป็นไปตามที่คาดหมายนั้น บริษัทจึงตัดสินใจชะลอลงทุนในจุดที่ไม่มีความแน่นอน ขณะที่รายได้ที่จะได้รับนั้นจะพยายามสร้างประโยชน์จากป้ายโฆษณาที่มีอยู่อย่างเต็มที่แทน
นายวิชัย เบญจพลาพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (LIVE) แจงข้อมูลงบการเงินปี 50 ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ให้ชี้แจง ดังนี้ ในประเด็นแรก รายได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์ซึ่งมิใช่ธุรกิจหลักของบริษัท LIVE ชี้แจงว่าบริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ได้ลงทุนด้วยเงินทุนจำนวน 150 ล้านบาท ต่อมามูลค่าของหลักทรัพย์ที่ลงทุนไว้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนเงินบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทย่อยมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 12/50 วันที่ 21 ธ.ค. 50 จึงได้อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทย่อย โดยให้คณะกรรมการการลงทุนสามารถลงทุนได้เกินกว่า 150 ล้านบาท แต่ส่วนที่เกินกว่าวงเงิน 150 ล้านบาทที่กำหนดไว้เริ่มแรกจะต้องเป็นการนำส่วนของผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมาลงทุนเท่านั้น
ประเด็นที่สอง การลงทุนใน BLISS ซึ่ง LIVE ได้ชี้แจงว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายประเสริฐพงศ์ บูลภักดิ์ ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทและกรรมการของบริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด และเป็นคณะกรรมการควบคุมและตรวจสอบการลงทุนของบริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด กับนางพวงพันธุ์ บูลภักดิ์ ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และผู้ถือหุ้นของ BLISS มีความสัมพันธ์ คือ นายประเสริฐพงศ์ เป็นบุตรของนางพวงพันธุ์
โดยชี้แจงต่อไปว่านายประเสริฐพงศ์ มีกิจการส่วนตัวแยกออกมาจากนางพวงพันธุ์ บูลภักดิ์ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานางพวงพันธุ์ ก็เป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่เคยแสดงเจตนาเข้ามาควบคุมหรือบริหารกิจการของบริษัทแต่อย่างใด ความสัมพันธ์ดังกล่าวจึงไม่มีนัยอื่นใด ขณะที่ตำแหน่งกรรมการควบคุมและตรวจสอบการลงทุน ไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารจัดการในเรื่องของการลงทุนในหลักทรัพย์ เนื่องจากคณะกรรมการการลงทุนจะเป็นผู้ตัดสินใจในการลงทุน
ประเด็นที่สาม รายการระหว่างกันกับ BLISS ซึ่ง LIVE ชี้แจงโดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ข้อมูลของบริษัทย่อยที่เป็นผู้ให้บริการ คือ บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อเผยแพร่ในโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก ซึ่ง LIVE ถือหุ้น 99.10% และบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด รับจ้างโฆษณา ทำป้ายโฆษณาและให้บริการพื้นที่โฆษณา โดยที่ LIVE ถือหุ้น 99.99% โดยมีรายละเอียดรายการ ดังนี้
บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ได้ให้บริการสื่อโฆษณาในรายการต่างๆ ของโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก แก่บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ได้บริการสื่อโฆษณา 2 ประเภท ให้แก่บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) คือ สื่อโฆษณา Hi-Rise Communication เป็นสื่อโฆษณาที่นำเสนอผ่านจอโทรทัศน์ LCD ที่ทำการติดตั้งในอาคารสำนักงานบริเวณลิฟท์โดยสาร และบริเวณโถงรอลิฟท์โดยสาร และสื่อโฆษณา Projector Sign Graphic (PSG) โดยมีรูปแบบที่สำคัญ คือ การใช้แสงฉายเข้ากับผนังอาคาร ทำให้เกิดภาพขนาด 22x50 เมตร ซึ่งเป็นภาพที่มีความคมชัด และเคลื่อนไหวได้เหมือนจริง
ส่วนนโยบายการกำหนดราคา เป็นการกำหนดตามราคาตลาดและใช้นโยบายการดำเนินการเช่นเดียวกับลูกค้ารายอื่น ขณะที่ความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบของ LIVE เกี่ยวกับรายการการให้บริการดังกล่าวว่าเป็นธุรกรรมปกติทางการค้าไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจากคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบแต่อย่างใด และ ณ วันที่เกิดรายการดังกล่าวไม่เข้าเกณฑ์รายการเกี่ยวโยงแต่อย่างใด
ประเด็นที่สี่ รายการค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้าให้บริษัท บอกซ์ ออฟฟิศ เอนเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (บอกซ์ ออฟฟิศ) LIVE ได้ชี้แจ้งว่าลักษณะรายการที่เกิดขึ้นเป็นค่าโฆษณาเครื่องหมายการค้าของบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด โดยเป็นผู้สนับสนุนในการนำภาพยนตร์เข้าฉาย รวมทั้งการใช้สื่อต่างๆ ในการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว
ส่วนสาเหตุที่ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งจำนวน เนื่องจากใช้เกณฑ์เกี่ยวกับการพิจารณาหนี้ค้างชำระที่มีระยะเวลาค้างชำระเกินกว่า 1 ปี บริษัทจะทำการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งจำนวนตามนโยบายของบริษัท สำหรับแนวทางในการติดตามให้ชำระหนี้ บริษัทมีการทวงถามคู่ค้ารายดังกล่าวต่อเนื่อง โดยมีการเสนอทางเลือกต่าง ๆ เพื่อให้มีการตัดหนี้จำนวนดังกล่าวให้ลดลง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเจรจา
ประเด็นสุดท้าย ผลประกอบการในบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อบริษัท นวดิศ จำกัด) LIVE ชี้แจงว่าสาเหตุที่ผลการดำเนินงานของบริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดหมายไว้ เนื่องจากบริษัทได้ประเมินราคาบนพื้นฐานเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 49 ซึ่งในขณะนั้นเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับที่ดี แต่ผลกระทบจากภาวะทางการเมืองและการปฏิวัติในช่วงไตรมาส 3/49 ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
บริษัทจึงตัดสินใจชะลอการลงทุนในธุรกิจใหม่ทั้งหมด จากที่การประมาณการว่าจะทำการลงทุนในช่วงกลางปี 49 เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของบริษัท ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยเป็นไปตามที่คาดหมายนั้น บริษัทจึงตัดสินใจชะลอลงทุนในจุดที่ไม่มีความแน่นอน ขณะที่รายได้ที่จะได้รับนั้นจะพยายามสร้างประโยชน์จากป้ายโฆษณาที่มีอยู่อย่างเต็มที่แทน