รมว.คลัง คาดเซ็นสัญญาเจบิกปลาย มี.ค.นี้ วงเงินกู้งวดแรก 1.8 หมื่นล้าน ดอกเบี้ย 1.4% เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง พร้อมเจรจาต่อรอง ขอลดค่าธรรมเนียมปรับ-หากโครงการล่าช้า
วันนี้ (28 ก.พ.) น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยระบุว่า ตนเองได้หารือกับตัวแทนธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) เมื่อวานนี้ ในเรื่องเงินสนับสนุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่ง ทางเจบิก ยืนยันว่า พร้อมให้การสนับสนุนวงเงินกู้ดังกล่าว โดยหากเจรจาในรายละเอียดได้เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะมีการลงนามได้ในราวปลายเดือน มี.ค.นี้ ส่วนจะเป็นที่ประเทศไทยหรือประเทศญี่ปุ่น ยังไม่มีข้อสรุป
สำหรับวงเงินกู้ดังกล่าวอยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.4% โดยเจบิกจะให้เงินกู้งวดแรกประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท
รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ยังติดในการเจรจาเงื่อนไข 1 ประเด็นที่ไทยต้องต่อรองกับทางเจบิก คือ เรื่องของค่าธรรมเนียมหากทำงานล่าช้า ซึ่งเจบิกเผื่อไว้ในกรณีเกรงเสียโอกาส ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงคลังต่อรองไปว่าจะไม่ขอเสียค่าธรรมเนียมดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะต่อรองได้
ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้เมื่อวานนี้ รมว.คลัง กล่าวว่า กนง.คงพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว โดยคำนึงถึงเสถียรภาพค่าเงินและอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม คิดว่า ทาง กนง.คงจะต้องมีการติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
“กนง.เป็นห่วงเงินเฟ้อว่าจะมีปัญหาและคิดว่าการลงทุนเองก็เติบโตขึ้นมา การใช้ดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการลงทุนก็อาจจะจำเป็นน้อยลง แต่เชื่อว่าจะติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”
ส่วนกรณีค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมานั้น เรื่องนี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงดูแลอยู่ แต่ต้องดูสาเหตุของปัญหา ถ้าจะดูบาทแข็งค่ามากน้อย ต้องดูไม่ให้ทิ้งห่างกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค
รมว.คลัง ยังกล่าวถึงข้อเสนอการปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หยิบยกขึ้นมากล่าววานนี้ ว่า ถือเป็นแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจ แต่เรื่องการปรับเปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนไม่ใช่ทำได้ในช่วงสั้น ต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียดก่อน