นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทประกันภัย ไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนงานในปี 2551 ว่า บริษัทตั้งเป้ารายรับจากการประกันภัยเป็น 1,600 ล้านบาท จากในปีก่อนที่อยู่ในระดับ 1,400 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 15% โดยจะมีที่มาจากแหล่งงานใหม่ในส่วนของการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลรถยนต์ประมาณ 10% และจากช่องทางการทำตลาดแบบ การขายตรงทางโทรศัพท์ (Telesales)อีก 5%
โดยในส่วนของการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลรถยนต์นั้น บริษัทจะมีบริการ PDA Online เพื่ออำนวยความสะดวกและเสริมคุณประโยชน์แก่ลูกค้าที่ทำประกันภัยกับบริษัท โดยจะเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าในส่วนของการประกันภัยรถยนต์ที่มีกว่าแสนรายทั่วประเทศได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม และจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนพฤษภาคม 2551 ด้านการทำตลาดในรูปแบบของ Telesales นั้น จะตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป คาดว่าในปีแรกนี้จะสามารถผลิตเบี้ยประกันภัยส่งให้กับบริษัทได้ 70 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ในปีนี้นั้น คาดว่าจะยังคงไม่ค่อยดีนักเช่นกันกับปีก่อน ขณะที่ธุรกิจประกันภัยก็ยังมีการแข่งขันในระดับสูง ซึ่งบริษัทก็ได้เตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า พร้อมทั้งได้หาพันธมิตรใหม่เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาวะตลาดรถยนต์ที่ซบเซาจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเบี้ยประกันของบริษัท แต่บริษัทก็ยังคงมีรายได้จากการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้รายได้โดยรวมของบริษัทไม่ถูกกระทบมากนัก โดยในปีก่อนบริษัทมีพอร์ตการลงทุนรวม 900 ล้านบาท แบ่งเป็นหน่วยลงทุน 500 ล้านบาท เงินฝาก 300 ล้านบาท และลงทุนในหุ้น 100 ล้านบาท ซึ่งเฉพาะในส่วนของหน่วยลงทุนนั้น บริษัทมีผลตอบแทนประมาณ 15% แต่ผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ตจะอยู่ที่เกือบ 10%
สำหรับในปีนี้ธนาคารยังคงมีแนวทางที่จะขยายพอร์ตการลงทุนเพิ่ม แต่ยังไม่สามารถระบุเป็นจำนวนได้ เนื่องจากการลงทุนเพิ่มจะขึ้นอยู่กับตัวเบี้ยประกันของบริษัทที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ส่วนกรณีที่ทางการจะออกอินชัวร์รันบอนด์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ก็คงจะต้องดูที่ผลตอบแทนเป็นหลัก รวมทั้งการนำเอามาใช้ประโยชน์กับธุรกิจด้วย เพราะหากมีผลตอบแทนที่ดี และสามารถนำมาใช้ประโยชน์กับบริษัทได้ ก็สามารถโยกเงินจากพันธบัตรอื่นมาลงทุนในอินชัวร์รันบอนด์ได้
โดยในส่วนของการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลรถยนต์นั้น บริษัทจะมีบริการ PDA Online เพื่ออำนวยความสะดวกและเสริมคุณประโยชน์แก่ลูกค้าที่ทำประกันภัยกับบริษัท โดยจะเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าในส่วนของการประกันภัยรถยนต์ที่มีกว่าแสนรายทั่วประเทศได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม และจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนพฤษภาคม 2551 ด้านการทำตลาดในรูปแบบของ Telesales นั้น จะตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป คาดว่าในปีแรกนี้จะสามารถผลิตเบี้ยประกันภัยส่งให้กับบริษัทได้ 70 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ในปีนี้นั้น คาดว่าจะยังคงไม่ค่อยดีนักเช่นกันกับปีก่อน ขณะที่ธุรกิจประกันภัยก็ยังมีการแข่งขันในระดับสูง ซึ่งบริษัทก็ได้เตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า พร้อมทั้งได้หาพันธมิตรใหม่เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาวะตลาดรถยนต์ที่ซบเซาจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเบี้ยประกันของบริษัท แต่บริษัทก็ยังคงมีรายได้จากการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้รายได้โดยรวมของบริษัทไม่ถูกกระทบมากนัก โดยในปีก่อนบริษัทมีพอร์ตการลงทุนรวม 900 ล้านบาท แบ่งเป็นหน่วยลงทุน 500 ล้านบาท เงินฝาก 300 ล้านบาท และลงทุนในหุ้น 100 ล้านบาท ซึ่งเฉพาะในส่วนของหน่วยลงทุนนั้น บริษัทมีผลตอบแทนประมาณ 15% แต่ผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ตจะอยู่ที่เกือบ 10%
สำหรับในปีนี้ธนาคารยังคงมีแนวทางที่จะขยายพอร์ตการลงทุนเพิ่ม แต่ยังไม่สามารถระบุเป็นจำนวนได้ เนื่องจากการลงทุนเพิ่มจะขึ้นอยู่กับตัวเบี้ยประกันของบริษัทที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ส่วนกรณีที่ทางการจะออกอินชัวร์รันบอนด์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ก็คงจะต้องดูที่ผลตอบแทนเป็นหลัก รวมทั้งการนำเอามาใช้ประโยชน์กับธุรกิจด้วย เพราะหากมีผลตอบแทนที่ดี และสามารถนำมาใช้ประโยชน์กับบริษัทได้ ก็สามารถโยกเงินจากพันธบัตรอื่นมาลงทุนในอินชัวร์รันบอนด์ได้