ทอท. เผยกำไรไตรมาสแรกปีนี้ทรุดกว่า 33% หรือลดลงกว่า 165 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากปีก่อน 95.70% ในขณะที่ภาพรวมบริษัทไตรมาสนี้มีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของปริมาณการจราจรทางอากาศ และการปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมตั้งแต่ช่วงต้นปี 50 เช่นเดียวค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการตัดค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
นางสาวสุวรรณี สำโรงวัฒนา เลขานุการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/51 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 340.76 ล้านบาท ลดลง 164.59 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 505.35 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงจากเดิม 0.35 บาทต่อหุ้น เหลือ 0.24 บาทต่อหุ้น หรือกำไรสุทธิลดลง 32.57%
เนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง โดยไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 47.26 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,051.20 ล้านบาท หรือ 95.70% แต่ในภาพรวมบริษัทยังมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยมีรายได้ในไตรมาสนี้รวม 5,414.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,337.05 ล้านบาท หรือ 32.79% โดยรายได้หลักของบริษัทจากกิจการบิน เพิ่มขึ้น 1,083.69 ล้านบาท หรือ 39.57% จากการขยายตัวของปริมาณจราจรทางอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
ขณะที่การปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (Passenger Service Charge) หรือ PSC สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 และปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมสนามบิน และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 มีส่วนช่วยให้รายได้จากกิจการบินเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการบินก็เพิ่มขึ้น จากค่าเช่าสำนักงานและอสังหาริมทรัพย์ รายได้เกี่ยวกับบริการ และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น จากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นยอดรวมในไตรมาสนี้ เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบทางวิ่งทางขับ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และค่าตอบแทนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินให้แก่สายการบิน
นางสาวสุวรรณี สำโรงวัฒนา เลขานุการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/51 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 340.76 ล้านบาท ลดลง 164.59 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 505.35 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงจากเดิม 0.35 บาทต่อหุ้น เหลือ 0.24 บาทต่อหุ้น หรือกำไรสุทธิลดลง 32.57%
เนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง โดยไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 47.26 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,051.20 ล้านบาท หรือ 95.70% แต่ในภาพรวมบริษัทยังมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยมีรายได้ในไตรมาสนี้รวม 5,414.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,337.05 ล้านบาท หรือ 32.79% โดยรายได้หลักของบริษัทจากกิจการบิน เพิ่มขึ้น 1,083.69 ล้านบาท หรือ 39.57% จากการขยายตัวของปริมาณจราจรทางอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
ขณะที่การปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (Passenger Service Charge) หรือ PSC สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 และปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมสนามบิน และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 มีส่วนช่วยให้รายได้จากกิจการบินเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการบินก็เพิ่มขึ้น จากค่าเช่าสำนักงานและอสังหาริมทรัพย์ รายได้เกี่ยวกับบริการ และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น จากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นยอดรวมในไตรมาสนี้ เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าจ้างที่ปรึกษาตรวจสอบทางวิ่งทางขับ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และค่าตอบแทนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินให้แก่สายการบิน
