มาตรการ 30% สะดุดตอชิ้นใหญ่ ธปท.แจงผลกระทบร้ายแรง เม็ดเงินเก็งกำไร 5 พันล้านพร้อมเข้าป่วนเงินบาท แนวโน้มค่าเงินบาทอาจแข็งทะลุ 30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ ขรก.คลังงงเป็นไก่ตาแตก หลังที่ปรึกษาแม้ว โผล่กลางที่ประชุม 30%
วันนี้(14 ก.พ.) รายงานข่าวจากที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการหารือระหว่าง น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) วานนี้ ระบุว่า ผู้ว่าการ ธปท.ได้มีการชี้แจงผลดีและผลเสียของมาตรการกันสำรอง 30% อย่างรอบด้าน อาทิ ผลประโยชน์และผลกระทบต่อผู้ส่งออก และผลที่จะเกิดขึ้นต่อกลไกค่าเงินบาท พร้อมประเมินผลด้านประสิทธิภาพว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา สามารถชะลอเงินทุนไหลเข้าได้ประมาณ 8,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนั้น ธปท.ยังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบหากเลิกมาตรการ โดยเฉพาะการไหลทะลักเข้ามาของเงินเก็งกำไร รวมถึงเม็ดเงินจำนวน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งในส่วนที่มีกันสำรอง 30% ไว้และทำการป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวน (Fully Hedge) ซึ่งหาก ธปท.ยกเลิกมาตรการในส่วนนี้ไปแล้ว อาจจะส่งผลให้เม็ดเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนดังกล่าวกลับมาเก็งกำไรอีกรอบ และส่งผลให้เงินบาทแข็งได้ถึง 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
รายงานข่าวยังระบุเพิ่มเติมว่า ช่วงที่อยู่ระหว่างการประชุมฯ ระหว่างทีมงานกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติ และการประชุมวอร์รูมเศรษฐกิจ ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่า นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางมาเข้ามาร่วมประชุมด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่ได้เป็นที่ปรึกษา รมต.คลัง หรือมีหน้าที่ในการดูแลเรื่องดังกล่าว ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดนายพันศักดิ์ ระบุว่า คนของ ธปท.เป็นคนเชิญนายพันศักดิ์ เข้าไปรับฟังเอง
วันนี้(14 ก.พ.) รายงานข่าวจากที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการหารือระหว่าง น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) วานนี้ ระบุว่า ผู้ว่าการ ธปท.ได้มีการชี้แจงผลดีและผลเสียของมาตรการกันสำรอง 30% อย่างรอบด้าน อาทิ ผลประโยชน์และผลกระทบต่อผู้ส่งออก และผลที่จะเกิดขึ้นต่อกลไกค่าเงินบาท พร้อมประเมินผลด้านประสิทธิภาพว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา สามารถชะลอเงินทุนไหลเข้าได้ประมาณ 8,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนั้น ธปท.ยังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบหากเลิกมาตรการ โดยเฉพาะการไหลทะลักเข้ามาของเงินเก็งกำไร รวมถึงเม็ดเงินจำนวน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งในส่วนที่มีกันสำรอง 30% ไว้และทำการป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวน (Fully Hedge) ซึ่งหาก ธปท.ยกเลิกมาตรการในส่วนนี้ไปแล้ว อาจจะส่งผลให้เม็ดเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนดังกล่าวกลับมาเก็งกำไรอีกรอบ และส่งผลให้เงินบาทแข็งได้ถึง 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
รายงานข่าวยังระบุเพิ่มเติมว่า ช่วงที่อยู่ระหว่างการประชุมฯ ระหว่างทีมงานกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติ และการประชุมวอร์รูมเศรษฐกิจ ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่า นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางมาเข้ามาร่วมประชุมด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่ได้เป็นที่ปรึกษา รมต.คลัง หรือมีหน้าที่ในการดูแลเรื่องดังกล่าว ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดนายพันศักดิ์ ระบุว่า คนของ ธปท.เป็นคนเชิญนายพันศักดิ์ เข้าไปรับฟังเอง
