ผู้บริหารฯ คิงเพาเวอร์ เปิดทางพร้อมถอนฟ้อง ทอท.เรียกค่าเสียหาย 6.8 หมื่นล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี กรณีที่บอร์ดยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษี อ้างว่าสัญญาเป็นโมฆะ ตั้งเงื่อนไขผู้บริหาร 2 ฝ่ายต้องเจรจาหาข้อยุติร่วมกันก่อน หลังรัฐมนตรีคมนาคมหนุน ทอท.เจรจาถอนฟ้อง
นายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้บริหารร้านค้าปลอดภาษี หรือดิวตี้ ฟรี ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า กระทรวงคมนาคมต้องการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กับบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด
ปัจจุบันข้อพิพาทระหว่าง ทอท.กับคิงเพาเวอร์ อยู่ในกระบวนการศาล หากทอท.จะเจรจาประนีประนอม เพื่อให้คิงเพาเวอร์ถอนฟ้อง และเริ่มเจรจาต่อรองผลตอบแทนใหม่นั้น สิ่งใดที่มีความเป็นธรรมและประเทศได้รับผลประโยชน์ อีกทั้งเป็นสิ่งที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย กระทรวงคมนาคมจะสนับสนุนให้ดำเนินการ
"ผมดีใจที่ท่านรัฐมนตรีมีความปรารถนาดี ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคิงเพาเวอร์ แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการทอท.ว่าจะเอาอย่างไร ผมไม่อยากเป็นคดี เราทำธุรกิจ ที่จริงทอท.กับคิงเพาเวอร์ถือเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเหมือนกัน เพียงแต่ทอท.มีรัฐถือหุ้นมากเท่านั้น ดังนั้น ทุกอย่างต้องโปร่งใส" นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย กล่าวอีกว่า หากจะให้คิงเพาเวอร์ถอนฟ้องทอท. เราก็พร้อมที่จะถอนฟ้องให้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ฝ่ายบริหารทอท.ต้องหารือร่วมกับฝ่ายบริหารของคิงเพาเวอร์ ว่า จะดำเนินการอย่างไร มีอะไรบ้างที่ต้องให้คิงเพาเวอร์ดำเนินการ มีอะไรบ้างที่ทอท.ต้องดำเนินการให้ หากมีเจรจาตกลงกันได้ คิงเพาเวอร์ก็พร้อมที่จะถอนฟ้องที่ศาลได้ทันที แต่ข้อสำคัญ ต้องมีความชัดเจนในการเจรจา เราอยากให้ทอท.เป็นส่วนหนึ่งของหน้าตาของประเทศ ได้รับผลประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ทอท.กับคิงเพาเวอร์มีข้อขัดแย้ง ที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลดีกับฝ่ายใด มีแต่ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น คิงเพาเวอร์พยายามที่จะเจรจาด้วยดีตลอดมา แต่ติดปัญหาที่คณะกรรมการทอท.ที่เขามองว่า เราเป็นผู้กระทำผิดมาตลอด ทำให้การเจรจาเดินไปข้างหน้าไม่ได้
"ผมทำธุรกิจผมไม่คิดอยากจะฟ้องร้องกับใคร แต่ในเมื่อต้อนผมจนมุม จนไม่รู้ว่าผมต้องทำอย่างไร มีทางเดียวที่ผมต้องดำเนินการ คือยื่นฟ้องร้องต่อศาล เพื่อขอความเป็นธรรม"
หลังจากศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้คิงเพาเวอร์เข้าดำเนินการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีในดิวตี้ฟรีได้ เราก็ต้องใช้เวลาการปรับปรุงร้านค้า ซึ่งเป็นการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ "กว่า 1 ปีที่มีปัญหาทำให้ยอดขายของคิงเพาเวอร์ขายไปประมาณ 1,000 ล้านบาท และต้องทำความเข้าใจกับร้านค้าถือเป็นเรื่องสำคัญ" นายวิชัยกล่าว
ก่อนหน้านี้ บริษัท คิงเพาเวอร์ จำกัด ผู้ดำเนินการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องทอท. เป็นจำเลย รวม 2 สำนวนเรื่องเรียกทรัพย์คืนจำนวนทุนทรัพย์ 6.8 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี หลังจากทอท.แจ้งขอยกเลิกสัญญาการเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีตามสนามบินต่างๆ ของโจทก์ ทั้งหมด อ้างว่า สัญญาเป็นโมฆะ เนื่องจากการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินต่างๆ ที่โจทก์ได้เข้าทำสัญญาเป็นโครงการมีมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งตาม พ.ร.บ.เอกชนเข้าร่วมงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 จะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี แต่โครงการของบริษัทโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว การกระทำของจำเลย ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
นายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้บริหารร้านค้าปลอดภาษี หรือดิวตี้ ฟรี ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า กระทรวงคมนาคมต้องการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กับบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด
ปัจจุบันข้อพิพาทระหว่าง ทอท.กับคิงเพาเวอร์ อยู่ในกระบวนการศาล หากทอท.จะเจรจาประนีประนอม เพื่อให้คิงเพาเวอร์ถอนฟ้อง และเริ่มเจรจาต่อรองผลตอบแทนใหม่นั้น สิ่งใดที่มีความเป็นธรรมและประเทศได้รับผลประโยชน์ อีกทั้งเป็นสิ่งที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย กระทรวงคมนาคมจะสนับสนุนให้ดำเนินการ
"ผมดีใจที่ท่านรัฐมนตรีมีความปรารถนาดี ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคิงเพาเวอร์ แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการทอท.ว่าจะเอาอย่างไร ผมไม่อยากเป็นคดี เราทำธุรกิจ ที่จริงทอท.กับคิงเพาเวอร์ถือเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเหมือนกัน เพียงแต่ทอท.มีรัฐถือหุ้นมากเท่านั้น ดังนั้น ทุกอย่างต้องโปร่งใส" นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย กล่าวอีกว่า หากจะให้คิงเพาเวอร์ถอนฟ้องทอท. เราก็พร้อมที่จะถอนฟ้องให้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ฝ่ายบริหารทอท.ต้องหารือร่วมกับฝ่ายบริหารของคิงเพาเวอร์ ว่า จะดำเนินการอย่างไร มีอะไรบ้างที่ต้องให้คิงเพาเวอร์ดำเนินการ มีอะไรบ้างที่ทอท.ต้องดำเนินการให้ หากมีเจรจาตกลงกันได้ คิงเพาเวอร์ก็พร้อมที่จะถอนฟ้องที่ศาลได้ทันที แต่ข้อสำคัญ ต้องมีความชัดเจนในการเจรจา เราอยากให้ทอท.เป็นส่วนหนึ่งของหน้าตาของประเทศ ได้รับผลประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ทอท.กับคิงเพาเวอร์มีข้อขัดแย้ง ที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลดีกับฝ่ายใด มีแต่ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น คิงเพาเวอร์พยายามที่จะเจรจาด้วยดีตลอดมา แต่ติดปัญหาที่คณะกรรมการทอท.ที่เขามองว่า เราเป็นผู้กระทำผิดมาตลอด ทำให้การเจรจาเดินไปข้างหน้าไม่ได้
"ผมทำธุรกิจผมไม่คิดอยากจะฟ้องร้องกับใคร แต่ในเมื่อต้อนผมจนมุม จนไม่รู้ว่าผมต้องทำอย่างไร มีทางเดียวที่ผมต้องดำเนินการ คือยื่นฟ้องร้องต่อศาล เพื่อขอความเป็นธรรม"
หลังจากศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้คิงเพาเวอร์เข้าดำเนินการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีในดิวตี้ฟรีได้ เราก็ต้องใช้เวลาการปรับปรุงร้านค้า ซึ่งเป็นการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ "กว่า 1 ปีที่มีปัญหาทำให้ยอดขายของคิงเพาเวอร์ขายไปประมาณ 1,000 ล้านบาท และต้องทำความเข้าใจกับร้านค้าถือเป็นเรื่องสำคัญ" นายวิชัยกล่าว
ก่อนหน้านี้ บริษัท คิงเพาเวอร์ จำกัด ผู้ดำเนินการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องทอท. เป็นจำเลย รวม 2 สำนวนเรื่องเรียกทรัพย์คืนจำนวนทุนทรัพย์ 6.8 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี หลังจากทอท.แจ้งขอยกเลิกสัญญาการเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีตามสนามบินต่างๆ ของโจทก์ ทั้งหมด อ้างว่า สัญญาเป็นโมฆะ เนื่องจากการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินต่างๆ ที่โจทก์ได้เข้าทำสัญญาเป็นโครงการมีมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งตาม พ.ร.บ.เอกชนเข้าร่วมงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 จะต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี แต่โครงการของบริษัทโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว การกระทำของจำเลย ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย