2 น้องใหม่ตลาดเอ็มเอไอเคาะขายไอพีโอ “บิวเดอร์ สมาร์ท” สรุปราคา 1.10 บาท คาดพร้อมเทรด 14 ก.พ.นี้ ด้านที่ปรึกษาฯปลื้มนักลงทุนสนใจจองเพียบ ก่อนจะเข็นอีก 3 ราย มาร์เกตแคป รวม 4 พันล้านบาท ระดมทุน พ.ค.-มิ.ย.นี้ ขณะที่ “ชูไก” เคาะ 2.80 บาท เตรียมเทรด 13 ก.พ. ผู้บริหารเชื่อพื้นฐานแกร่ง เติบโตต่อเนื่อง
นายสุเรซ ซูบรามาเนียม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวเดอร์ สมาร์ท จำกัด (มหาชน) BSM กล่าวว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท จากราคามูลค่าที่ตราไว้ (ราคา) หุ้นละ 0.50 บาท จำนวน 50 ล้านหุ้น โดยจะเปิดให้นักลงทุนที่สนใจเข้าจองซื้อหุ้นครั้งนี้ได้ในช่วงวันที่ 4-6 ก.พ.2551 และคาดว่า จะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 14 ก.พ.2551
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการะดมทุนส่วนหนึ่งจะนำไปขยายกิจการ โดยบริษัทวางแผนที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างตกแต่งภายในชั้นนำภายใต้ลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ รวมทั้งเตรียมจะบุกตลาดต่างประเทศ เช่น อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งการเข้าจดทะเบียนใน mai ครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้โอกาสในการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าจะมีความมั่นใจต่อศักยภาพของบริษัทมากขึ้น
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปรแมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.บิวเดอร์ สมาร์ท กล่าวว่า ขณะนี้ยอดนักลงทุนที่สนใจของซื้อหุ้นไอพีโอ BSM สูงเกินกว่าที่จัดสรรถึง 4.5 เท่า ทำให้เชื่อว่าราคาที่บริษัทเสนอขายอยู่ในระดับที่เหมาะสม
ทั้งนี้ บริษัทได้แบ่งสัดส่วนการจองซื้อโดยให้นักลงทุนรายย่อย 24 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือจะให้นักลงทุนสถาบันและบริษัทประกันรวมถือหุ้น นอกจากนี้ หุ้น BSM ยังมีกองทุนเอสเอ็มอี ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน วรรณ รวมถือหุ้นตั้งแต่ยังไม่เข้าจดทะเบียน จึงน่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากขึ้นโดยกองทุนดังกล่าวจะติดระยะเวลาห้ามซื้อขายเหมือนผู้บริหารของบริษัท
“การเข้าซื้อขายวันแรก เชื่อว่า ราคา BSM คงปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่น้อย 2 บริษัทที่ APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงินทั้ง บมจ.ไทย เอ็น ดี ที และบมจ.ไดเมท (สยาม)” นายสมภพ กล่าว
สำหรับแผนงานของบริษัทในปีนี้ คาดว่า จะมีการนำบริษัทเข้าระดมทุนใน mai ทั้งสิ้น 10-11 บริษัท โดยในช่วงเดือน พ.ค.- มิ.ย.คาดว่า จะมีบริษัทสามารถเข้าจดทะเบียนได้ 3 บริษัท มูลค่ามาร์เก็ตแคปรวมประมาณ 4,000 ล้านบาท โดย 1 ใน 3 รายเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจพลังงาน
ด้าน นายธงไชย แพรรังสี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) หรือ CRANE เปิดเผยว่าบริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทที่ 2.80 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจะเสนอขายหุ้นจำนวน 100 ล้านบาท และคาดว่าจะเข้าซื้อขายใน mai ได้ในวันที่ 13 ก.พ.นี้
ทั้งนี้ แม้ว่าสภาพการซื้อขายของตลาดหุ้นในช่วงนี้ค่อนข้างจะผันผวน แต่เชื่อมั่นว่า เมื่อเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 1 และ 4-5 ก.พ.นี้ หุ้นของชูไกจะได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ขณะที่หากไอพีโออัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทจะลดลงต่ำกว่า 1 เท่า นอกจากนี้ ผลประกอบการมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2550 มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเปรียเทียบกับปี 2549
นายวรชาติ ทวยเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BSEC ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CRANE กล่าวว่า ราคาขายไอพีโอที่ระดับ 2.80บาทต่อหุ้นเป็นราคาที่เหมาะสม และน่าลงทุนโดยเป็นการกำหนดราคาจากผลประกอบการในอดีตที่ผ่านมาช่วงไตรมาส 1-3 ปี 2550 ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยระดับราคาดังกล่าวมีค่าพีอี เรโช ประมาณ 10.37 เท่าซึ่งต่ำกว่าพีอีเรโชของตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ
นายสุเรซ ซูบรามาเนียม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวเดอร์ สมาร์ท จำกัด (มหาชน) BSM กล่าวว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท จากราคามูลค่าที่ตราไว้ (ราคา) หุ้นละ 0.50 บาท จำนวน 50 ล้านหุ้น โดยจะเปิดให้นักลงทุนที่สนใจเข้าจองซื้อหุ้นครั้งนี้ได้ในช่วงวันที่ 4-6 ก.พ.2551 และคาดว่า จะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 14 ก.พ.2551
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการะดมทุนส่วนหนึ่งจะนำไปขยายกิจการ โดยบริษัทวางแผนที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างตกแต่งภายในชั้นนำภายใต้ลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ รวมทั้งเตรียมจะบุกตลาดต่างประเทศ เช่น อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งการเข้าจดทะเบียนใน mai ครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้โอกาสในการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าจะมีความมั่นใจต่อศักยภาพของบริษัทมากขึ้น
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปรแมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.บิวเดอร์ สมาร์ท กล่าวว่า ขณะนี้ยอดนักลงทุนที่สนใจของซื้อหุ้นไอพีโอ BSM สูงเกินกว่าที่จัดสรรถึง 4.5 เท่า ทำให้เชื่อว่าราคาที่บริษัทเสนอขายอยู่ในระดับที่เหมาะสม
ทั้งนี้ บริษัทได้แบ่งสัดส่วนการจองซื้อโดยให้นักลงทุนรายย่อย 24 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือจะให้นักลงทุนสถาบันและบริษัทประกันรวมถือหุ้น นอกจากนี้ หุ้น BSM ยังมีกองทุนเอสเอ็มอี ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน วรรณ รวมถือหุ้นตั้งแต่ยังไม่เข้าจดทะเบียน จึงน่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากขึ้นโดยกองทุนดังกล่าวจะติดระยะเวลาห้ามซื้อขายเหมือนผู้บริหารของบริษัท
“การเข้าซื้อขายวันแรก เชื่อว่า ราคา BSM คงปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่น้อย 2 บริษัทที่ APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงินทั้ง บมจ.ไทย เอ็น ดี ที และบมจ.ไดเมท (สยาม)” นายสมภพ กล่าว
สำหรับแผนงานของบริษัทในปีนี้ คาดว่า จะมีการนำบริษัทเข้าระดมทุนใน mai ทั้งสิ้น 10-11 บริษัท โดยในช่วงเดือน พ.ค.- มิ.ย.คาดว่า จะมีบริษัทสามารถเข้าจดทะเบียนได้ 3 บริษัท มูลค่ามาร์เก็ตแคปรวมประมาณ 4,000 ล้านบาท โดย 1 ใน 3 รายเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจพลังงาน
ด้าน นายธงไชย แพรรังสี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) หรือ CRANE เปิดเผยว่าบริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทที่ 2.80 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจะเสนอขายหุ้นจำนวน 100 ล้านบาท และคาดว่าจะเข้าซื้อขายใน mai ได้ในวันที่ 13 ก.พ.นี้
ทั้งนี้ แม้ว่าสภาพการซื้อขายของตลาดหุ้นในช่วงนี้ค่อนข้างจะผันผวน แต่เชื่อมั่นว่า เมื่อเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 1 และ 4-5 ก.พ.นี้ หุ้นของชูไกจะได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ขณะที่หากไอพีโออัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทจะลดลงต่ำกว่า 1 เท่า นอกจากนี้ ผลประกอบการมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2550 มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเปรียเทียบกับปี 2549
นายวรชาติ ทวยเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BSEC ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CRANE กล่าวว่า ราคาขายไอพีโอที่ระดับ 2.80บาทต่อหุ้นเป็นราคาที่เหมาะสม และน่าลงทุนโดยเป็นการกำหนดราคาจากผลประกอบการในอดีตที่ผ่านมาช่วงไตรมาส 1-3 ปี 2550 ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยระดับราคาดังกล่าวมีค่าพีอี เรโช ประมาณ 10.37 เท่าซึ่งต่ำกว่าพีอีเรโชของตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ