“แมกโนเลียฯ” ธุรกิจในตระกูลเจียรวนนท์ เผยแผนธุรกิจปี 2551 ปูพรมเปิดโครงการใหม่ 8 โครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว-คอนโดฯ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ล่าสุดจับมือ บริษัท ซี.พี.แลนด์ฯ ธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ผุดคอนโดฯแบรนด์ The Chur กลางเมืองพัทยา มูลค่าขายรวม 2,000 กว่าล้านบาท เตรียมผุดโครงการมิกซ์ยูส ทั้งโรงแรมและคอนโดฯในกลางปีนี้ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท แจงปี 51 ยอดรับรู้รายได้ 1,300 ล้านบาท จากยอดขายโครงการรวมในปี 50 ระบุในอีก 2 ปีข้างหน้า ยอดรับรู้รายได้ปรับตัวอย่างก้าวกระโดดอยู่ที่ 3,000 ล้านบาทต่อปี
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทลูกในกลุ่มบริษัท ดีที กรุ๊ป ธุรกิจของตระกูลเจียรวนนท์ เปิดเผยว่า ในปี 2551 จะเป็นปีแห่งการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ของบริษัท โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ รวมทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่าขายกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวผสมคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์แมกโนเลีย 1 โครงการ และโครงการเฉพาะคอนโดมิเนียมแบรนด์ แมกโนเลีย อีก 2 โครงการ ซึ่งแบรนด์แมกโนเลียจะพัฒนาโครงการระดับหรู เน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน (ไฮเอนด์) ที่เป็นทั้งนักธุรกิจคนไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้ โครงการคอนโดฯในแบรนด์แมกโนเลีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการและกำหนดราคาขายให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้า ซึ่งคอนโดฯแบรนด์แมกโนเลีย จะยังอยู่ในพื้นที่บางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 3-7 ที่ตั้งโครงการแมกโนเลียเดิม
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ THe Muse อีก4 โครงการ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ที่มีพฤติกรรม (ไลฟ์สไตล์) ที่ต้องการอยู่อาศัย ในย่านทำเลแนวรถไฟฟ้าใต้ดินและทำเลรถไฟฟ้า BTS โดยเฉพาะทำเลในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD)
โดยโครงการทั้งหมด คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างและเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ส่วนในไตรมาสแรกนี้ จะเปิดตัวโครงการ The Chur คอนโดมิเนียม ซึ่งมีความหมายว่า ต้นไม้ โดยโครงการดังกล่าวจะพัฒนาบนเนื้อรวม 29 ไร่ ในเมืองพัทยา เป็นรูปแบบการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 6 อาคาร จำนวนรวม 700 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขายรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการThe Chur เป็นการร่วมทุนกับ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด ถือหุ้นฝ่ายละ 50% ปัจจุบัน บริษัท ซี.พี.แลนด์ฯ มีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท
นอกจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายขาดแล้ว ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บริษัทยังมีแผนจะลงทุนพัฒนาโครงการที่พักอาศัยผสมผสาน (มิกซ์ยูส) โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายอีก1 โครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ โดยมีเนื้อในการพัฒนาประมาณ 30-40 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท รูปแบบของการลงทุน อาจจะเป็นการร่วมทุนหรือลงทุนเอง โดยในกรณีเป็นการร่วมทุน พันธมิตรหลักของบริษัท คือ ซี.พี.แลนด์ฯ โดยจะซื้อที่ดินจากเจ้าของที่ดินเดิมมาพัฒนาโครงการ
นายวิสิษฐ์ กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 ว่า ยังรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะเข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดปัจจุบันจะดำเนินการอย่างไร คาดว่า ในช่วงไตรมาส 2 ภาคเอกชนจะเริ่มกำหนดแผนและกลยุทธ์ทางธุรกิจ จนถึงไตรมาสที่ 3 คาดว่า จะมีการเปิดตัวโครงการ เริ่มลงทุนก่อสร้าง
สำหรับปัจจัยกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลต่อเนื่องถึงต้นทุนต่างๆขยับสูงขึ้น จะทำให้ในปี 2551 ผู้ประกอบการอสังหาฯจะทยอยปรับราคาขายที่อยู่อาศัยในโครงการขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 5-10% โดยในส่วนของบริษัทอยู่ระหว่างการคำนวณต้นทุนใหม่และพิจารณาว่า จะมีการปรับขึ้นราคาขายสินค้าของบริษัทเท่าใด ซึ่งในเบื้องต้นจะปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุนจริงประมาณ 5-10%
สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2550 บริษัทมียอดขายจากโครงการบ้านแมกโนเลีย และโครงการ The Muse คอนโดฯเลียบแนวส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช-แบริ่ง รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้นั้นจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม 2551 ทำให้ในปีที่ผ่านมา บริษัทยังไม่มีการรับรู้รายได้จากการขายโครงการที่เกิดขึ้น แต่ตัวเลขรับรู้รายได้ในปี 2551 จะมียอดรวมที่ 1,300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น จะหนุนให้บริษัทมียอดขายจากโครงการใหม่ในปี 51 ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และในระหว่างปี 2552-2553 บริษัทจะมียอดการรับรู้รายได้รวมที่ก้าวกระโดดประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี
ปัจจุบันโครงการบ้านแมกโนเลีย ย่านบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 7 ซึ่งเปิดขายมาแล้ว 2 ปี มียอดขายแล้ว 16 ยูนิต จากจำนวนรวม 25 ยูนิต ล่าสุด โครงการดังกล่าวได้รับรางวัลโครงการประหยัดพลังงานดีเด่น ทำให้คาดว่าในปีนี้ยอดขายโครงการจะได้รับการตอบรับอย่างดี และได้รับความสนใจในโครงการอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากบริษัทจะยังเน้นการพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทลูกในกลุ่มบริษัท ดีที กรุ๊ป ธุรกิจของตระกูลเจียรวนนท์ เปิดเผยว่า ในปี 2551 จะเป็นปีแห่งการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ของบริษัท โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ รวมทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่าขายกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวผสมคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์แมกโนเลีย 1 โครงการ และโครงการเฉพาะคอนโดมิเนียมแบรนด์ แมกโนเลีย อีก 2 โครงการ ซึ่งแบรนด์แมกโนเลียจะพัฒนาโครงการระดับหรู เน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน (ไฮเอนด์) ที่เป็นทั้งนักธุรกิจคนไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้ โครงการคอนโดฯในแบรนด์แมกโนเลีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการและกำหนดราคาขายให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้า ซึ่งคอนโดฯแบรนด์แมกโนเลีย จะยังอยู่ในพื้นที่บางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 3-7 ที่ตั้งโครงการแมกโนเลียเดิม
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ THe Muse อีก4 โครงการ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ที่มีพฤติกรรม (ไลฟ์สไตล์) ที่ต้องการอยู่อาศัย ในย่านทำเลแนวรถไฟฟ้าใต้ดินและทำเลรถไฟฟ้า BTS โดยเฉพาะทำเลในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD)
โดยโครงการทั้งหมด คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างและเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ส่วนในไตรมาสแรกนี้ จะเปิดตัวโครงการ The Chur คอนโดมิเนียม ซึ่งมีความหมายว่า ต้นไม้ โดยโครงการดังกล่าวจะพัฒนาบนเนื้อรวม 29 ไร่ ในเมืองพัทยา เป็นรูปแบบการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 6 อาคาร จำนวนรวม 700 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขายรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการThe Chur เป็นการร่วมทุนกับ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด ถือหุ้นฝ่ายละ 50% ปัจจุบัน บริษัท ซี.พี.แลนด์ฯ มีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท
นอกจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายขาดแล้ว ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บริษัทยังมีแผนจะลงทุนพัฒนาโครงการที่พักอาศัยผสมผสาน (มิกซ์ยูส) โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายอีก1 โครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ โดยมีเนื้อในการพัฒนาประมาณ 30-40 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท รูปแบบของการลงทุน อาจจะเป็นการร่วมทุนหรือลงทุนเอง โดยในกรณีเป็นการร่วมทุน พันธมิตรหลักของบริษัท คือ ซี.พี.แลนด์ฯ โดยจะซื้อที่ดินจากเจ้าของที่ดินเดิมมาพัฒนาโครงการ
นายวิสิษฐ์ กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 ว่า ยังรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะเข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดปัจจุบันจะดำเนินการอย่างไร คาดว่า ในช่วงไตรมาส 2 ภาคเอกชนจะเริ่มกำหนดแผนและกลยุทธ์ทางธุรกิจ จนถึงไตรมาสที่ 3 คาดว่า จะมีการเปิดตัวโครงการ เริ่มลงทุนก่อสร้าง
สำหรับปัจจัยกระทบจากราคาน้ำมันที่มีผลต่อเนื่องถึงต้นทุนต่างๆขยับสูงขึ้น จะทำให้ในปี 2551 ผู้ประกอบการอสังหาฯจะทยอยปรับราคาขายที่อยู่อาศัยในโครงการขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 5-10% โดยในส่วนของบริษัทอยู่ระหว่างการคำนวณต้นทุนใหม่และพิจารณาว่า จะมีการปรับขึ้นราคาขายสินค้าของบริษัทเท่าใด ซึ่งในเบื้องต้นจะปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุนจริงประมาณ 5-10%
สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2550 บริษัทมียอดขายจากโครงการบ้านแมกโนเลีย และโครงการ The Muse คอนโดฯเลียบแนวส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช-แบริ่ง รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้นั้นจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม 2551 ทำให้ในปีที่ผ่านมา บริษัทยังไม่มีการรับรู้รายได้จากการขายโครงการที่เกิดขึ้น แต่ตัวเลขรับรู้รายได้ในปี 2551 จะมียอดรวมที่ 1,300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น จะหนุนให้บริษัทมียอดขายจากโครงการใหม่ในปี 51 ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท และในระหว่างปี 2552-2553 บริษัทจะมียอดการรับรู้รายได้รวมที่ก้าวกระโดดประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี
ปัจจุบันโครงการบ้านแมกโนเลีย ย่านบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 7 ซึ่งเปิดขายมาแล้ว 2 ปี มียอดขายแล้ว 16 ยูนิต จากจำนวนรวม 25 ยูนิต ล่าสุด โครงการดังกล่าวได้รับรางวัลโครงการประหยัดพลังงานดีเด่น ทำให้คาดว่าในปีนี้ยอดขายโครงการจะได้รับการตอบรับอย่างดี และได้รับความสนใจในโครงการอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากบริษัทจะยังเน้นการพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง