แอสเซท โปรฯเตรียมเจรจาผู้จัดตั้งกองทุน" เอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์" เข้าลงทุนในบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ 3 แห่ง ที่เป็นลูกค้าของบริษัท เอื้อเข้าลงทุนได้สะดวกรวดเร็วให้แก่ผู้บริหารกองทุน ด้าน " ชนิตร" เผยอยู่ระหว่างจัดตั้งบริษัทมาบริหารวงเงิน 1 พันล้านบาท คาดตั้งกองทุนได้ไตรมาสแรกปี 51
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.)ในการจัดตั้งกองทุนเอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ จำนวน 3 กองทุน เพื่อที่จะเข้ามาลงทุนในบริษัทที่ แอสเซท โปรฯเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ ซึ่งบริษัททั้ง 3 แห่ง ซึ่งประกอบธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ โดยบริษัทตั้งอยู่ที่บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสงคราม และนครราชสีมา
ทั้งนี้ แต่ละกองทุนจะมีขนาดการลงทุนละ 200 ล้านบาท ซึ่งจะมากจากเงินร่วมลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 100 ล้านบาท และเม็ดเงินจากที่ บลจ.ระดมทุนจากผู้สนใจที่จะเข้ามาลงทุนอีก 100 ล้านบาท โดยการลงทุนดังกล่าวจสนับสนุนการดำเนินการของบริษัทให้มีการเติบโตที่ดีและนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)
สำหรับ ในระยะแรกนั้นตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)จะมีการจัดตั้งกองทุน เอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ จำนวน 3 กองทุน ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม 2551 นั้น บริษัทจะพยายามผลักดันและเจรจากับ บลจ.ที่จะจัดตั้งกองทุนทั้ง 3 กองทุน เพื่อเข้าลงทุนในบริษัท ซึ่งประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ทั้ง 3 บริษัท โดยขณะนี้ทั้ง 3 บริษัทนั้นเริ่มดำเนินธุรกิจแล้ว ซึ่งมีทุนจดทะเบียนบริษัทละ 30-40 ล้านบาท
"จากที่ตลาดเอ็มเอไอ จะจัดตั้งกองทุนเอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ระยะแรกจำนวน 3 กอง ซึ่งบริษัทจะพยายามเจรจากกับบริษัทที่จะจัดตั้งกองทุนให้เข้ามาลงทุนใน3 บริษัทที่ แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่ง 3 บริษัทนั้น ประกอบธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ ทำให้ บลจ. มีความสะดวกในการเข้าไปลงทุนได้สะดวกและทันทีไม่ต้องไปหาธุรกิจเอง "นายสมภพ กล่าว
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดเอ็มเอไอ และผู้ช่วยผู้จัดการศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดเอ็มเอไอ จะมีการหารือกับทาง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.)ในเรื่องรายละเอียดการลงทุนและอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาซึ่งจะมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อที่จะเข้ามาบริหารวงเงินที่ตลาดหลักทรัพฯย์อนุมัติเงินเพื่อร่วมลงทุนในการตั้ง กองทุนเอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะออกกองทุนดังกล่าวได้ภายในไตรมาส1/51
ทั้งนี้ บริษัทที่จะเข้ามาบริหารกองทุนเอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ จะต้องเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน (บลท.) เท่านั้น ซึ่ง บลจ.ไม่สามารถที่จะเข้ามาบริหารกองทุนดังกล่าวเพราะจะซ้ำซ้อนกัน ดังนั้น บลจ.จะต้องมีการตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาก่อน และขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (บลท) เช่น บลจ.กสิกรไทย มีการตั้งบลท.ข้าวกล้าขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันมีบลท.จำนวน 2-3 ราย
" อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าในช่วงเริ่มต้นจะมีการจัดตั้งกองทุนจำนวนกี่กองทุน เพราะต้องรอให้บริษัทที่สนใจจะเข้ามาจัดตั้งกองทุน และเมื่อมีการจัดตั้งกองทุนแล้ว ผู้บริหารกองทุนก็จะเป็นผู้ตัดสินใจในการเข้าไปลงทุนในธุรกิจ ซึ่งหากมีการลงทุนในธุรกิจที่เหมือนกันก็ไม่เป็นไร " นายชนิตร กล่าว
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.)ในการจัดตั้งกองทุนเอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ จำนวน 3 กองทุน เพื่อที่จะเข้ามาลงทุนในบริษัทที่ แอสเซท โปรฯเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ ซึ่งบริษัททั้ง 3 แห่ง ซึ่งประกอบธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ โดยบริษัทตั้งอยู่ที่บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสงคราม และนครราชสีมา
ทั้งนี้ แต่ละกองทุนจะมีขนาดการลงทุนละ 200 ล้านบาท ซึ่งจะมากจากเงินร่วมลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 100 ล้านบาท และเม็ดเงินจากที่ บลจ.ระดมทุนจากผู้สนใจที่จะเข้ามาลงทุนอีก 100 ล้านบาท โดยการลงทุนดังกล่าวจสนับสนุนการดำเนินการของบริษัทให้มีการเติบโตที่ดีและนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)
สำหรับ ในระยะแรกนั้นตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)จะมีการจัดตั้งกองทุน เอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ จำนวน 3 กองทุน ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม 2551 นั้น บริษัทจะพยายามผลักดันและเจรจากับ บลจ.ที่จะจัดตั้งกองทุนทั้ง 3 กองทุน เพื่อเข้าลงทุนในบริษัท ซึ่งประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ทั้ง 3 บริษัท โดยขณะนี้ทั้ง 3 บริษัทนั้นเริ่มดำเนินธุรกิจแล้ว ซึ่งมีทุนจดทะเบียนบริษัทละ 30-40 ล้านบาท
"จากที่ตลาดเอ็มเอไอ จะจัดตั้งกองทุนเอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ระยะแรกจำนวน 3 กอง ซึ่งบริษัทจะพยายามเจรจากกับบริษัทที่จะจัดตั้งกองทุนให้เข้ามาลงทุนใน3 บริษัทที่ แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่ง 3 บริษัทนั้น ประกอบธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ ทำให้ บลจ. มีความสะดวกในการเข้าไปลงทุนได้สะดวกและทันทีไม่ต้องไปหาธุรกิจเอง "นายสมภพ กล่าว
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดเอ็มเอไอ และผู้ช่วยผู้จัดการศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดเอ็มเอไอ จะมีการหารือกับทาง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.)ในเรื่องรายละเอียดการลงทุนและอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาซึ่งจะมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อที่จะเข้ามาบริหารวงเงินที่ตลาดหลักทรัพฯย์อนุมัติเงินเพื่อร่วมลงทุนในการตั้ง กองทุนเอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะออกกองทุนดังกล่าวได้ภายในไตรมาส1/51
ทั้งนี้ บริษัทที่จะเข้ามาบริหารกองทุนเอ็มเอไอแมทชิ่งฟันด์ จะต้องเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน (บลท.) เท่านั้น ซึ่ง บลจ.ไม่สามารถที่จะเข้ามาบริหารกองทุนดังกล่าวเพราะจะซ้ำซ้อนกัน ดังนั้น บลจ.จะต้องมีการตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาก่อน และขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (บลท) เช่น บลจ.กสิกรไทย มีการตั้งบลท.ข้าวกล้าขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันมีบลท.จำนวน 2-3 ราย
" อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าในช่วงเริ่มต้นจะมีการจัดตั้งกองทุนจำนวนกี่กองทุน เพราะต้องรอให้บริษัทที่สนใจจะเข้ามาจัดตั้งกองทุน และเมื่อมีการจัดตั้งกองทุนแล้ว ผู้บริหารกองทุนก็จะเป็นผู้ตัดสินใจในการเข้าไปลงทุนในธุรกิจ ซึ่งหากมีการลงทุนในธุรกิจที่เหมือนกันก็ไม่เป็นไร " นายชนิตร กล่าว