ผู้บริหาร “ARK” ประกาศดันบริษัท “เอกรัฐ โซล่าร์” เข้าระดมทุนในเอ็มเอไอ ปี 52 เผยอยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรร่วมถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 49% ตั้งเป้าได้รับเงินจากการขาย 600-700 ล้านบาท เล็งจ่ายคืนหนี้ 500 ล้านบาท หวังลดภาระดอกเบี้ย คาดได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ ขณะที่ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้โตจากปีก่อนเท่าตัวเป็น 4,000 ล้านบาท เหตุเตรียมรับรู้รายได้จากแผงเซลล์แสงอาทิตย์
นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกรัฐ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะนำบริษัท เอกรัฐ โซล่าร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 2552 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรเข้ามาร่วมถือหุ้นในเอกรัฐ โซล่าร์ ในสัดส่วนไม่เกิน 49% ซึ่งคาดว่าจะสามารถข้อสรุปภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้
ทั้งนี้ บริษัทกำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้กับพันธมิตรในราคาหุ้นละ 1.50-2.00 บาท บนเงื่อนไขจะต้องได้ราคาสูงที่สุดและพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจบริษัทจะพิจารณาเป็นพิเศษ โดยบริษัทคาดจะได้รับเงินจากการขายหุ้นดังกล่าวประมาณ 600-700 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้ประมาณ 500 ล้านบาท จากหนี้สินทั้งหมดประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายที่มีอยู่ประมาณปีละ 80 ล้านบาท
สำหรับรูปแบบในการร่วมดำเนินธุรกิจนั้น บริษัทจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับพันธมิตรประมาณ 500 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งจะทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย AKR จะยังคงถือหุ้นในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% เพื่อคงอำนาจในการบริหารต่อไป
นายเกียรติพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ในปีนี้ที่ 4 พันล้านบาท โดยเพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้ประมาณ 2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ในนี้ประมาณ 2 พันล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่สามารถรับรู้เพียง 200-300 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 1.4 พันล้านบาท แต่ในปีนี้จะลงทุนเพิ่มอีกเพียง 20 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมเท่านั้น โดยมีกำลังการผลิตทั้งหมด 25 เมกะวัตต์ ซึ่ง เอกรัฐ โซล่าร์ ได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือน ม.ค.2551 หลังทดลองการผลิต ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยปีนี้จะผลิตได้ 15 เมกะวัตต์ และคาดว่า จะผลิตเต็มกำลังการผลิตในปี 2552
“ธุรกิจโซลาร์บริษัทส่งออกถึง 99% เพราะประเทศในแถบยุโรปสนับสนุนให้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน ราคารับซื้อไฟฟ้าก็ให้สูงกว่าประเทศไทย โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาหาลูกค้าเพิ่มอีก ทั้งจากอเมริกา เยอรมนี” นายเกียรติพงศ์ กล่าว
สำหรับบริษัท เอกรัฐ โซล่าร์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาซื้อขายเซลล์แสงอาทิตย์กับบริษัท Nexis s.r.l จำกัด จากอิตาลี ซึ่งเป็นบริษัทรับติดตั้งระบบ Telecommunication และระบบไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงในยุโรป มีมูลค่ารับซื้อทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท หรือประมาณ 8.2 เมกะวัตต์ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการตลาดแล้วในช่วงไตรมาสที่ 4/50 ซึ่งมียอดจำหน่ายกว่า 300 ล้านบาท
นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกรัฐ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะนำบริษัท เอกรัฐ โซล่าร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 2552 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรเข้ามาร่วมถือหุ้นในเอกรัฐ โซล่าร์ ในสัดส่วนไม่เกิน 49% ซึ่งคาดว่าจะสามารถข้อสรุปภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้
ทั้งนี้ บริษัทกำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้กับพันธมิตรในราคาหุ้นละ 1.50-2.00 บาท บนเงื่อนไขจะต้องได้ราคาสูงที่สุดและพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจบริษัทจะพิจารณาเป็นพิเศษ โดยบริษัทคาดจะได้รับเงินจากการขายหุ้นดังกล่าวประมาณ 600-700 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้ประมาณ 500 ล้านบาท จากหนี้สินทั้งหมดประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายที่มีอยู่ประมาณปีละ 80 ล้านบาท
สำหรับรูปแบบในการร่วมดำเนินธุรกิจนั้น บริษัทจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับพันธมิตรประมาณ 500 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งจะทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย AKR จะยังคงถือหุ้นในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% เพื่อคงอำนาจในการบริหารต่อไป
นายเกียรติพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ในปีนี้ที่ 4 พันล้านบาท โดยเพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้ประมาณ 2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ในนี้ประมาณ 2 พันล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่สามารถรับรู้เพียง 200-300 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 1.4 พันล้านบาท แต่ในปีนี้จะลงทุนเพิ่มอีกเพียง 20 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมเท่านั้น โดยมีกำลังการผลิตทั้งหมด 25 เมกะวัตต์ ซึ่ง เอกรัฐ โซล่าร์ ได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือน ม.ค.2551 หลังทดลองการผลิต ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยปีนี้จะผลิตได้ 15 เมกะวัตต์ และคาดว่า จะผลิตเต็มกำลังการผลิตในปี 2552
“ธุรกิจโซลาร์บริษัทส่งออกถึง 99% เพราะประเทศในแถบยุโรปสนับสนุนให้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน ราคารับซื้อไฟฟ้าก็ให้สูงกว่าประเทศไทย โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาหาลูกค้าเพิ่มอีก ทั้งจากอเมริกา เยอรมนี” นายเกียรติพงศ์ กล่าว
สำหรับบริษัท เอกรัฐ โซล่าร์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาซื้อขายเซลล์แสงอาทิตย์กับบริษัท Nexis s.r.l จำกัด จากอิตาลี ซึ่งเป็นบริษัทรับติดตั้งระบบ Telecommunication และระบบไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงในยุโรป มีมูลค่ารับซื้อทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท หรือประมาณ 8.2 เมกะวัตต์ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการตลาดแล้วในช่วงไตรมาสที่ 4/50 ซึ่งมียอดจำหน่ายกว่า 300 ล้านบาท