ผ่านพ้นมาแล้วกว่า 5 ปี สำหรับการแข่งขันเทนนิสอาชีพหญิงรายการใหญ่ในเมืองไทยระดับ ดับเบิลยูทีเอ 250 ล่าสุด จัดในชื่อรายการ "แอลไลด์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์” ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีนักหวดสาวมือท็อปของโลกมาร่วมประชันฝีมือมากมาย และยังเป็นเวทีสำคัญในการพัฒนานักกีฬาดาวรุ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเทนนิสไทย
นอกเหนือจากการเป็นศึกใหญ่ เทนนิสรายการนี้ยังช่วยโปรโมตวัฒนธรรมไทยผ่านนักเทนนิสระดับโลกไปสู่สายตาทั่วทั้งโลก ซึ่งช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเป็นเวทีระดับใหญ่ให้นักเทนนิสหญิงไทยที่จะได้รับโอกาสในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองก้าวต่อไปในเส้นทางอาชีพ และก้าวสู่ความเป็นเลิศในระดับโลก
ทางฝ่ายจัดการแข่งขันโดย สมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง (WTA) ร่วมกับ อารีน่า หัวหิน สปอร์ต คลับ และ APG พร้อมด้วยผู้สนับสนุนจากทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ได้ผนึกกำลังกันจัดศึกเทนนิส ไทยแลนด์ โอเพ่น มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปูทางให้นักหวดสาวไทยได้แจ้งเกิดในเวทีโลกจากการมอบตั๋วไวลด์การ์ด หรือสิทธิพิเศษเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งรวมถึง "รวงข้าว" ลัลนา ธาราฤดี วัย 20 ปี ที่เริ่มฉายแสงในทัวร์นาเมนต์นี้จากการเข้าร่วมมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
"ซูเปอร์บอล" ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมือ 9 ของโลก ในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขันเทนนิสอาชีพหญิง ดับเบิลยูทีเอ 250 รายการ "แอลไลด์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์” ระบุว่า การแข่งขัน 4 ครั้งที่ผ่านมา และแน่นอนว่าครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน นักกีฬาแต่ละชาติก็ยินดีและมีความสุขกับการได้มาแข่งขันที่เมืองหัวหิน เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว เมื่อเดินทางมาถึงนักกีฬาจะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้ไม่ตึงเครียดเกินไป จึงโชว์ฟอร์มการเล่นออกมาได้ดี
"ในทัวร์นาเมนต์ไทยแลนด์โอเพ่น เราตั้งเป้าไว้ชัดเจนว่าถ้ามีโอกาสก็อยากขยับขึ้นไปจัดการแข่งขันระดับ ดับเบิลยูทีเอ 500 แต่ต้องดูตารางการแข่งขันของดับเบิลยูทีเอ ด้วยว่า เราสามารถที่จะลงได้เมื่อไหร่ อย่างไร ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เราได้จัดในระดับ ดับเบิลยูทีเอ 250 ต้องบอกว่าเราเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มากทีเดียว แต่พอเป็นดับเบิลยูทีเอ 500 จะใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัว รายละเอียดในการจัดการแข่งขัน อาจจะต้องมากขึ้นอีก แต่เราพร้อมแน่นอน และแน่นอนว่าหากแมตช์ใหญ่ขึ้นก็จะถือเป็นโอกาสที่ดีมากยิ่งขึ้นสำหรับนักกีฬาเทนนิสไทย"
ในส่วนผลงานของนักกีฬาไทยในการแข่งขันรายการนี้ โดยเฉพาะ "รวงข้าว" ลัลนา ธาราฤดี นักหวดสาววัย 20 ปี ถือเป็นดาวรุ่งของศึกไทยแลนด์ โอเพ่นเลยก็ว่าได้ เนื่องจากทัวร์นาเมนต์สนับสนุนนักหวดสาวไทยรายนี้มาตั้งแต่การแข่งขันปีแรก ๆ ให้มีโอกาสได้เล่นในเวทีระดับโลก ด้วยการให้ไวลด์การ์ด หรือสิทธิพิเศษเข้าร่วมการแข่งขัน ทำให้ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และปีนี้ “รวงข้าว” ก็เป็นครั้งแรกที่คว้าชัยในรอบแรกได้ สามารถเก็บแต้มได้ และเก็บประสบการณ์เพิ่มเติมอีกด้วย
จากการแข่งขัน 2-3 ปี ที่ผ่านมา ลัลนาต้องเจอสายที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างปีที่แล้วก็เจอกับอดีตมือ 1 ของโลก แต่เจ้าตัวก็ยังเล่นได้ดี มีการพัฒนาการเล่นที่ดี แล้วก็ระหว่างนั้น สาวน้อยรายนี้ก็ได้เล่นในรอบคัดเลือกของแกรนด์สแลม ทุกแกรนด์สแลมในปี 2024 รวมทั้งคว้าแชมป์รายการ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ รายการ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้อันดับโลกของ รวงข้าว ขึ้นมาอยู่ที่ 187 ของโลก และกำลังจะมุ่งหน้าเข้าสู่ท็อป 100 ของโลกต่อไป
ภราดร กล่าวถึงผลงานของรวงข้าวในการแข่งขันปีนี้ว่า รวงข้าวมีโอกาสที่จะทำผลงานได้ดี หากเข้าไปถึงรอบลึก ๆ ก็มีโอกาสเก็บคะแนนได้เยอะมาก อันดับโลกก็จะพุ่งขึ้นเร็วมาก ถ้าเป็นทัวร์นาเมนต์ดับเบิลยูทีเอ 500 แต้มก็ยิ่งเยอะขึ้น 1 สัปดาห์มีโอกาสที่จะทำได้มากถึง 60-70 แต้มเลยทีเดียว เป็นโอกาสที่ดีสำหรับน้องรวงข้าว หากเราได้จัดระดับดับเบิลยูทีเอ 500
"นักกีฬา หากจะเทียบเป็นรถยนต์ น้องรวงข้าว ก็จะเป็นเครื่อง 2000 แต่กำลังจะไปแข่งกับเครื่อง 3000 เทอร์โบ มันชัดเจนว่าแม้รวงข้าวจะเหยียบให้เต็มที่ก็ยังต้องไล่เขาอยู่ นั่นหมายความว่าถ้าจะแข่งกับเขา ก็ต้องไปอัพเครื่องยนต์มาใหม่ ให้เท่ากับระดับที่จะแข่งขัน สำหรับเทนนิสก็บอกด้วยอันดับโลกอยู่แล้วว่า น้องกำลังมีพัฒนาการที่ดี ปีแรกที่น้องเล่นไทยแลนด์ โอเพ่น อันดับโลกน้องอยู่ที่ 400 กว่า ปีที่ 2 อยู่ในระดับ 200 กว่า ปีนี้มาเมื่อเข้าทัวร์มาเมนต์ อันดับโลกอยู่ที่ราว ๆ 180 ดันนั้นในระหว่างปีจะต้องจัดตารางแข่งขันให้ได้ประโยชน์สูงสุด เราจะไม่ไปแช่ที่อเมริกา 4-5 เดือน แต่เราต้องดูทัวร์นาเมนต์ที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด”
อย่างไรก็ตาม “ซูเปอร์บอล” ภราดร ศรีชาพันธุ์ ได้วางแผนหลังจากนี้ในการปลุกปั้น “รวงข้าว” ลัลนา ธาราฤดี ให้ก้าวไปสู่มืออันดับท็อป 50 ของโลก รวมทั้งปักหมุดมุ่งหน้าไปสู่การควอลิฟายเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนี้ยังเหลือระยะเวลาอีกนานกว่า 4 ปีในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของหวดสาวดาวรุ่งไทยรายนี้ให้ก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้
ภราดร กล่าวอีกว่า จริงๆ มีนักเทนนิสที่อยู่ในเกณฑ์เดียวกับน้องรวงข้าว 2-3 คน แต่เราพูดถึงน้องรวงข้าว เนื่องจากเจ้าตัวเป็นดาวรุ่งของรายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นให้รวงข้าวให้ได้มีโอกาสเล่นอาชีพในระดับดับเบิลยูทีเอ 250 ดังนั้น ความกดดันอะไรต่าง ๆ น้องผ่านมาหมดแล้ว โดยใน 4 ข้างหน้าเป้าหมายที่แท้จริงคือ อยากจะไปให้ได้ถึงมืออันดับท็อป 50 ของโลก แต่ต้องเริ่มจากเป้าอันดับท็อป 100 ของโลกก่อน เมื่อได้อันดับท็อป 100 ของโลกแล้วนั่นหมายความว่าน้องจะได้มีโอกาสไปแข่งขันในแกรนสแลมด์ทั้งหมดได้"
"อีกเป้าหมายหนึ่งก็คือโอลิมปิกเกมส์ 2028 ใน 4 ปีข้างหน้า รวงข้าวจะอายุ 25 ปี ระหว่างทางใน 4 ปีนี้ รวงข้าวจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ, 70,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือดับเบิลยูทีเอ 250 มั่นใจว่าน้องรวงข้าวจะก้าวขึ้นไปสู่ท็อป 100 ของโลกได้ และเราอยากจะเห็นนักเทนนิสผู้หญิงไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ โดยที่ไม่ต้องใช้สิทธิพิเศษ ด้วยการใช้อันดับโลกของตัวเอง ในการแข่งรอบเมนดรอว์ ในโอลิมปิก แอลเอ 2028”
นั่นคือเป้าหมายสำคัญ และเป็นเป้าหมายใหญ่ของวงการเทนนิสไทย ซึ่งทางทัวร์นาเมนต์เทนนิสใหญ่อย่าง ไทยแลนด์ โอเพ่น และ"ซูเปอร์บอล" ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมือ 9 ของโลก ในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน พยายามวางรากฐานให้กับ “รวงข้าว” ลัลนา ธาราฤดี มาตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา
จนถึงปัจจุบัน “รวงข้าว” ถือเป็นผลผลิตจากศึกไทยแลนด์ โอเพ่น ที่เริ่มจะผลิดอกออกผล และเตรียมเบ่งบานไปสู่อนาคตในเส้นทาง 4 ปีข้างหน้า ซึ่งวงการเทนนิสไทยของเราอาจจะได้เห็น นักหวดสาวขวัญใจคนใหม่ที่มีโอกาสทะลุติดมือท็อป 50 ของโลก และได้ลุ้นไปดวลกีฬาลูกสักหลาดในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติในโอลิมปิก แอลเอ 2028