เมื่อวันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 ณ ออลไทยแลนด์ กอล์ฟ เซ็นเตอร์ จังหวัดปทุมธานี “ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์” จัดงานแถลงข่าวประกาศพันธกิจพัฒนาวงการกอล์ฟอาชีพของไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Honor the past, Define the Future" ผลักดันนักกอล์ฟรุ่นต่อๆไป สร้างวงการกอล์ฟไทยให้ประสบความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม พร้อมดึงพันธมิตร โปรแถวหน้าของไทยร่วมวงการกอล์ฟไทย
นายจักรพงศ์ ทองใหญ่ ประธานกรรมการบริหาร ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ กล่าวว่า ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์เกิดขึ้นเมื่อปี 2542 จากวิสัยทัศน์ของ คุณสันติ ภิรมย์ภักดี และคุณศุภพร มาพึ่งพงศ์ ที่ต้องการพัฒนาทัวร์กอล์ฟอาชีพให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับนานาชาติจนทุกวันนี้ ออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ เป็น 1 ใน 24 ทัวร์ ได้รับการจัดคะแนนสะสมโลก (Official World Golf Ranking-OWGR) ที่สามารถหนุนนักกอล์ฟไทยออกไปสร้างชื่อเสียงในการแข่งขันทัวร์ต่างๆ ทั่วโลก เป็นแรงผลักดันให้กับนักกอล์ฟไทยรุ่นหลังได้เติบโตและไปได้ไกลกว่านักกอล์ฟรุ่นก่อน
“ในปัจจุบัน นักกอล์ฟไทยทั้งชายและหญิง สามารถออกไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในการแข่งขันทั้งระดับเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ความสำเร็จของนักกอล์ฟไทยรุ่นพี่ ล้วนเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ผลักดันให้นักกอล์ฟไทยรุ่นหลังเติบโต มุ่งมั่นและพัฒนาฝีมืออย่างจริงจัง ปีนี้เป็นปีที่ 25 ของออล ไทยแลนด์ เราวางเป้าหมาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Define the future" ดึงพันธมิตร โปรแถวหน้าของไทย ที่เคยสร้างชื่อเสียงในระดับโลกหลายคนมาร่วมกันส่งต่อและผลักดันนักกอล์ฟรุ่นใหม่ ให้ประสบความสำเร็จ ในระดับที่สูงกว่าในอดีต ที่โปรเหล่านี้เคยทำได้ ขณะเดียวกัน เราก็ไม่ลืมการ “Honor the past” ให้เกียรติและไม่ลืมโปรกอล์ฟรุ่นก่อน เพราะความสำเร็จของท่านเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ชัยชนะ แต่คือแรงบันดาลใจที่มีคุณค่ามหาศาลต่อนักกอล์ฟรุ่นต่อมาได้เดินตาม” คุณจักรพงศ์ กล่าว
การแข่งขันฤดูกาล 2024 มีจำนวนทั้งสิ้น 13 รายการ ชิงเงินรางวัลรวม 46 ล้านบาท โดยจัดการแข่งขันในสนามกอล์ฟชั้นนำใน 11 จังหวัดกระจายทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งทำการแข่งขันไปแล้ว 2 รายการ ได้แก่ รายการ “บุญชู เรืองกิจ แชมเปี้ยนชิพ” ครั้งที่ 10 ซึ่งเป็น 1 ในนักกอล์ฟไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ซึ่งแชมป์เป็นของ “โปรโจ้” จณัตว์ สกุลพลไพศาล และ รายการ “สิงห์ อีสาน โอเพ่น” ครั้งที่ 17 ที่ “โปรรัน” รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์ คว้าแชมป์ไปครอง
สำหรับรายการที่ 3 จะมีขึ้นในศึก “สิงห์ แชมเปี้ยนชิพ 2024” ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านบาท ณ สนามระยอง กรีน วัลเลย์ คันทรี คลับ จังหวัดระยอง ระหว่างวันที่ 4-7 เมษายน 2567 หลังจากนั้นจะเป็นการแข่งขัน 2 รายการติดต่อกันที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นรายการที่ร่วมมือระหว่างออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์และเอเชียนเดเวลล็อปเม้นท์ทัวร์ ในศึก เอดีที-ออลไทยแลนด์ พาร์ทเนอร์ชิพ โทรฟี่ 2024 ชิงเงินรางวัล 3 ล้านบาท ณ สนามเรดเม้าเท่น กอล์ฟ คลับ วันที่ 2-5 พฤษภาคม 2567 และรายการ สิงห์ ลากูน่า ภูเก็ต โอเพ่น 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 4 ล้านบาท ณ สนามลากูน่า กอล์ฟ ภูเก็ต วันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567
ส่วนการแข่งขัน 2 รายการสุดท้าย จะชิงเงินรางวัลรวมสูงถึง 10 ล้านบาท ได้แก่รายการ “สิงห์ ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส” ครั้งที่ 25 วันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2567 ณ สนามสันติบุรี คันทรี คลับ จังหวัดเชียงราย และรายการ “ไทยแลนด์ โอเพ่น” ครั้งที่ 52 วันที่ 5-8 ธันวาคม 2567 ณ สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ จังหวัดปทุมธานี โดยชิงเงินรางวัลรวมรายการละ 5 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักกอล์ฟที่มีลุ้นตำแหน่งนักกอล์ฟมือหนึ่งของทัวร์ และตำแหน่งรุกกี้ออฟเดอะเยียร์ รวมถึงนักกอล์ฟที่ต้องการขยับอันดับเพื่อรักษาทัวร์การ์ดสำหรับฤดูกาลหน้า