สมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการจัดการประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทยฯ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 57 หลังจากที่นายสกล วรรณพงษ์ นายกคนปัจจุบันหมดวาระลงเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีผู้สมัคร 3 คน ประกอบด้วย นายสกล วรรณพงษ์, "บิ๊กแจ๊ส" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง และ น.ส.โศภิศรา ทิพยมณฑล เลขาธิการชุดปัจจุบัน
สำหรับสโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์โหวตนายกสมาคมฯ มีทั้งสิ้น 37 สโมสร แต่จากการประกาศของสมาคมฯ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 มี 9 สโมสรสมาชิกสามัญของสมาคมถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากทำผิดข้อบังคับของสมาคม อย่างไรก็ตามทั้ง 9 สโมสรดังกล่าว ได้มารายงานตัวต่อหน้าห้องประชุม ก่อนจะได้รับอนุญาตเข้าร่วมการประชุม ซึ่งภายในวาระการประชุมมีการพิจารณาลงมติเรื่องของการลบชื่อสโมสรสมาชิกออกจากทะเบียนสมาคมฯ
หลังจากเริ่มประชุมได้มีการสำรวจจำนวนสโมสรสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุม ซึ่งทำให้มีการนับจำนวนสโมสรสมาชิกสามัญที่เข้าประชุมทั้งหมด มีทั้งสิ้น 42 สโมสรด้วยกัน จากนั้นที่ประชุมเข้าสู่วาระของการพิจารณาลงมติให้ลบชื่อสโมสรสมาชิกสามัญออกจากทะเบียนสมาคมฯ ซึ่งเกิดข้อถกเถียงกันอย่างดุเดือดทั้งสองฝ่าย
โดยทางฝั่งสมาคมฯ ที่ตัดสิทธิ 9 สโมสร ให้เหตุผลในการตัดสิทธิว่า จากการตรวจสอบรายชื่อครั้งสุดท้ายก่อนส่งให้กับกกท. สโมสรสมาชิกกลุ่มเหล่านี้ทำผิดข้อบังคับ ขณะเดียวกันนายศุภพล ตันตระกูล จากสโมสรชมรมกีฬายิงปืนจังหวัดนครสวรรค์ และกลุ่ม 9 สโมสรที่ถูกตัดสิทธิ ชี้แจงว่าได้รับการรับรองตั้งแต่ปี 2563 และมีการจ่ายเงินบำรุงสมาคมฯ ครบทุกปีตามกำหนดและมีใบเสร็จชัดเจน ทำไมถึงตัดสิทธิก่อนจะมีการเลือกตั้ง
ด้านพล.ร.ท.วศิน บุญเนือง อุปนายกสมาคมฯยอมรับว่าที่ผ่านมาสมาคมฯ ไม่ได้ตรวจสอบเรื่องของการสวมสิทธิต่างๆ ให้ชัดเจนเองว่ามีการทำผิดตั้งแต่ปี 2563 ทำให้มีสโมสรสมาชิกกลุ่มหนึ่ง เสนอให้มีการเลื่อนการประชุมเพื่อตรวจสอบสิทธิของทั้ง 9 สโมสรนี้ให้ถูกต้องอีกครั้ง ก่อนจะมีการเลือกตั้ง แต่อีกส่วนก็ต้องการให้ทำตามวาระที่วางมา คือให้สโมสรสมาชิกลงคะแนนเสียงว่า 9 สโมสรนี้ควรมีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ โดยทั้งที่ 9 สโมสรนี้ยังอยู่ในห้องเพื่อร่วมโหวตได้ด้วย การโต้เถียงกันนั้นเป็นไปอย่างดุเดือด มีการลุกขึ้นชี้หน้ากัน รวมถึงไม่ฟังคำแนะนำจากตัวแทนของการกีฬาแห่งประเทศไทย
จนสุดท้ายนายสกล ในฐานะประธานในที่ประชุมมีความเห็นให้เลื่อนการเลือกตั้งและมีการตรวจสอบสิทธิสโมสรอีกครั้ง จึงมีข้อเสนอให้ปิดการประชุม และได้สั่งปิดการประชุมไปแล้ว แต่ปรากฎว่าสโมสรสมาชิกส่วนใหญ่ไม่ยอมให้ปิดการประชุม จนนายสกลเดินออกจากห้องไปแล้ว ก็ยังได้ดำเนินการประชุมต่อ และโหวตเลือก ผศ.ทศพร เหรียญเจริญ อุปนายกขึ้นเป็นประธานในที่ประชุมแทน โดยมีสโมสรลงคะแนนเสียงรับรอง 23 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง 42 เสียง จากนั้นในที่ประชุมมีการโหวตให้ถอนวาระที่ 2 คือการพิจารณาลงมติให้ลบชื่อสโมสรสมาชิกสามัญออกจากทะเบียนสมาคมฯ โดยมีเสียง 23 เสียงโหวตให้ลบมติดังกล่าว ก่อนจะเข้าสู่วาระที่ 3 เพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ต่อไป
สำหรับวาระที่ 3 ได้มีการลงคะแนนเสียงให้ใช้การโหวตแบบเปิดเผยขานชื่อในที่ประชุม ผลปรากฎว่า "บิ๊กแจ๊ส" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ได้รับเสียงโหวต 22 คะแนน และไม่ประสงค์ลงคะแนน 1 เสียง
ทว่าการประชุมดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่า จะสมบูรณ์หรือไม่ ต้องรอการตัดสินใจจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะนายทะเบียนว่า จะรับรองการเลือกตั้งดังกล่าวหรือไม่ เพราะมีการสั่งปิดการประชุมไปแล้ว แต่สโมสรสมาชิกที่เหลืออยู่และไม่เห็นด้วยตัดสินใจเดินหน้าจัดการประชุมกันต่อไป จนได้ผลการเลือกตั้งออกมา
ภายหลังการประชุม “บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ กล่าวว่า สมาคมฯ ไม่ได้ส่งรายชื่อ 9 สโมสรไปให้กกท. ตั้งแต่แรก แต่ 9 สโมสร ได้ลงทะเบียน และเข้าไปประชุมในห้อง โดยวาระที่ 1 เป็นการสำรวจรายชื่อสโมสรที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยที่ 9 สโมสรยังไม่ยอมออกจากที่ประชุม จากนั้นเข้าสู่วาระที่ 2 ลบชื่อสโมสรที่ทำผิดข้อบังคับออก แต่ 9 สโมสรก็ไม่ยอมออกจากที่ประชุม บอกว่าวาระนี้ไม่ได้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมาก่อน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มีการถกเถียงกันมาก จึงเสนอขอให้เลื่อนการประชุมออกไป แต่สโมสรสมาชิกบางส่วนไม่ยอม และจัดการเลือกตั้งกันเอง เรื่องที่เกิดขึ้น จะได้ประสานไปยัง กกท. เสนอให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ ซึ่งอยู่ที่ กกท. จะพิจารณาอย่างไร
ด้าน ผศ.ทศพร เหรียญเจริญ ผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมต่อจากนายสกล กล่าวหลังจบการประชุมที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้รับเลือกตั้งว่า ต้องขอบคุณทางกกท. ที่ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างดี เรามั่นใจว่าเราดำเนินการประชุมไปตามข้อบังคับ ไม่ออกนอกกฎเลย จึงไม่กังวลใดๆ ทั้งสิ้น "บิ๊กแจ๊ส" ฝากมาบอกว่าท่านตั้งความหวังว่าถ้าได้เป็นนายก จะสร้างนักกีฬา จะสร้างทีม ให้นักกีฬา-ผู้ปกครอง สโมสร เจริญรุ่งเรื่อง มีนักกีฬา พัฒนาสู่ซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ตามลำดับ” ผศ.ทศพร กล่าว