คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ พ่าย 4 เกมตลอดซีซันที่แล้ว รวมซูเปอร์โบว์ล โดยทั้งหมดต้องวัดกันถึงควอเตอร์ 4 และตลอด 11 เกมของซีซันนี้ อีเกิลส์ แพ้ นิว ยอร์ก เจ็ตส์ เพียง 1 เกม โดย เจ็ตส์ ไม่มีโอกาสขึ้นนำเลยกระทั่ง 2 นาทีสุดท้าย
สถานการณ์ดูเหมือนว่า ความพ่ายแพ้ของ อีเกิลส์ เกม ซันเดย์ ไนท์ (11 ธ.ค.) ย่อยยับสุดตลอด 2 ซีซันที่ผ่านมา เว้นเสียแต่พวกเขาแพ้ลักษณะเดียวกันสัปดาห์ที่แล้ว อีเกิลส์ แพ้ ดัลลัส คาวบอยส์ 13-33 ไม่เพียงแค่ปล่อยให้การลุ้นแชมป์ดิวิชัน เอ็นเอฟซี (NFC) ตะวันออก สูสียิ่งขึ้น โดยเหลือ 4 เกม แต่รูปเกมบนสนามส่งสัญญาณว่า ฟิลาเดลเฟีย กำลังมีปัญหา หากเราย้อนดูความปราชัยแก่ ซาน ฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส 19-42
อีเกิลส์ แทบไม่ได้อยู่ในเกม พวกเขาตามหลัง 0-10 ตั้งแต่ควอเตอร์แรก และ 6-24 ช่วงพักครึ่ง เข้าสู่ครึ่งหลังอาการยังไม่กระเตื้อง ฟิลาเดลเฟีย ไม่สามารถทำทัชดาวน์จากทีมบุก และแพ้ด้วยผลต่าง 20 แต้ม ถึงแม้มี 1 ทัชดาวน์จากทีมรับ อีเกิลส์ ลงสนามด้วยสถิติที่ดีกว่า และไม่มีใครที่ชมการแข่งขันชี้ว่า พวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่า
สิ่งที่แย่สุด คือ รูปเกมดูเหมือนเกมพบ โฟร์ตีไนเนอร์ส อย่างน่าตกใจ อีเกิลส์ ชนะ 10 แพ้ 3 ทาบสถิติดีสุดของ เอ็นเอฟแอล (NFL) หากพิจารณา 2 เกมล่าสุด พวกเขาแพ้แบบหมดสภาพ สกอร์นั้นไม่ควรจะเกิดกับ อีเกิลส์ ชุดปัจจุบัน
ราว 10-20 ปีก่อน หาก อีเกิลส์ เริ่มต้นด้วยผลงาน ชนะ 10 แพ้ 1 การเล่นบนสนามน่าจะสะท้อนแบบตรงปก แต่สำหรับยุคบันทึกสถิติอย่างละเอียด แฟนๆ NFL พันธุ์แท้อาจฉุกคิดขึ้นมาว่า อีเกิลส์ เป็นทีมที่โชคดี ชัยชนะแบบผลต่างสกอร์น้อยนิดเป็นสัญญาณอันตราย อีเกิลส์ มาถึงจุดนี้ด้วยการคัมแบ็กอันเหลือเชื่อ และชนะคู่แข่งแบบสูสี ซึ่งไม่มีความยั่งยืน ผลการวิเคราะห์ด้านอื่นๆ ระบุว่า อีเกิลส์ ไม่ได้อยู่ในการถกเถียงว่าเป็นทีมอเมริกันฟุตบอลที่ดีสุด เพียงแค่สถิติดีสุด
อีเกิลส์ ออกสตาร์ทเกมเจอ คาวบอยส์ แบบหนังม้วนเดียวกับเกมพบ โฟร์ตีไนเนอร์ส ประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ทีมบุก ดัลลัส มีความเฉียบขาด ทำสกอร์จากการครองบอลทั้งหมด 4 ชุด เฉพาะครึ่งแรก แด็ก เพรสคอตต์ กลายเป็นควอเตอร์แบ็กฟอร์มแรงสุดของลีก และยังรักษาความต่อเนื่องเมื่อต้อนรับ อีเกิลส์ ขว้าง 157 หลา 2 ทัชดาวน์ ก่อนพักครึ่ง
ทีมบุก อีเกิลส์ หา เอนด์ โซน ไม่เจอ ทำได้เพียง 2 ฟิลด์โกล และบุกเข้ามาถึงระยะทำสกอร์ โดยไม่มีทัชดาวน์ตลอด 2 ควอเตอร์แรก กระทั่งทีมรับทำ 1 สกอร์ใหญ่จังหวะ เฟล็ตเชอร์ ค็อกซ์ ดีเฟนซีฟ แท็คเกิล แซ็ก เพรสคอตต์ จนเสียฟัมเบิล (บอลหลุดจากการครอบครอง) เป็นเหตุให้ จาเลน คาร์เตอร์ ดีเฟนซีฟ แท็คเกิล รุกกี้ เก็บบอลแล้ววิ่งย้อนทัชดาวน์ 42 หลา นับเป็น "บิ๊กเพลย์" ของเกม แต่พวกเขายังคงตามหลัง 11 แต้ม และไม่เคยตีตื้นได้มากกว่านี้
นอกเหนือจาก คาร์เตอร์ เก็บบอลแล้วทำสกอร์ คาวบอยส์ ยังคงบุกอย่างไหลลื่นแตกต่างจาก อีเกิลส์ ที่ฝืดสนิท แบรนดอน ออเบรย์ ตัวเตะ ดัลลัส รักษาสถิติเตะฟิลด์โกลเข้าเป้าติดต่อกันนานสุด รวมระยะ 60 และ 59 หลา เฉพาะเกมนี้ สเตฟอน กิลมอร์ คอร์เนอร์แบ็ก ซึ่งเป็นคนทำให้ เอ.เจ.บราวน์ ปีกนอก เสียฟัมเบิล เป็นคนแท็คเกิล เดอวอนตา สมิธ ในการเล่นดาวน์ที่ 4 ต้องการ 8 หลา ช่วงควอเตอร์ 4
คาวบอยส์ เหนือกว่าทุกแง่มุม เพรสคอตต์ โดดเด่นกว่า จาเลน เฮิร์ตส จนเทียบกันไม่ติด ซีดี แลมบ์ ปีกนอก มีบทบาทสำคัญต่อทีมมากกว่า บราวน์ หรือ สมิธ แม้กระทั่ง เจค เฟอร์กูสัน ไทต์เอนด์ ยังเป็นไฮไลท์ของเกม ด้วยการรับบอล 2 ทัชดาวน์ ฟอร์มอันย่ำแย่ คือ สิ่งที่น่าเป็นห่วงของ อีเกิลส์ ซึ่งกำลังไล่ล่าแชมป์ดิวิชัน และทีมวางอันดับ 1 ของคอนเฟอเรนซ์ เมื่อเริ่มแข่งขันสัปดาห์ที่ 13 ของฤดูกาลปกติ
อีเกิลส์ ยังคงเป็นตัวเต็งของดิวิชัน รวมถึงการลุ้นทีมอันดับ 1 ของคอนเฟอเรนซ์ กับ ซาน ฟรานซิสโก เนื่องจากตามโปรแกรมที่เหลือ พวกเขาเจอทีมสถิติแพ้มากกว่าชนะ
สถานการณ์ต่างๆ ยังคงเป็นใจแก่ อีเกิลส์ คุณไม่มีวันชนะ 10 เกมด้วยโชคเพียงอย่างเดียว พวกเขายังมีขุมกำลังดีสุดของลีก ทีมงานโค้ชมีฝีมือเพียงพอสำหรับแก้ปัญหาก่อนรีแมตช์ โฟร์ตีไนเนอร์ส หรือ คาวบอยส์ ช่วงเพลย์ออฟ แต่ฟอร์ม 2 เกมล่าสุด เป็นการเผยข้อบกพร่องของ อีเกิลส์ ซึ่งเราแทบไม่ได้เห็นตลอด 2 ซีซันที่ผ่านมา