มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 "หางโจวเกมส์" ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน เปิดฉากอย่างเป็นทางการ โดยช่วงค่ำเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา มีพิธีเปิดที่ หางโจว โอลิมปิก สปอร์ต เซ็นเตอร์ สเตเดียม ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ผู้ชมเข้ามาร่วมพิธีแบบติดขอบสนามเกือบ 60,000 คน รวมทั้งสื่อมวลชนจากชาติต่างๆในเอเชีย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ รวมแล้วเต็มความจุ 80,000 คน
พิธีเปิดครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เข้าร่วมพิธีด้วยตนเอง พร้อมด้วย พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา, ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย, ฮัน ด็อก-ซู นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ รวมทั้งจอห์น ลี กาชิว ผู้นำฮ่องกง และบุคคลผู้มีชื่อเสียงจากชาติต่างๆ ในทวีปเอเชีย
สำหรับไฮไลท์สำคัญในพิธีเปิดอย่างการจุดคบเพลิงนั้นมีการให้คนจำนวนมากมามีส่วนร่วมในการจุดคบเพลิง ทั้งทางโลกจริง และโลกดิจิตอล มีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 80 ล้านคน โดยขั้นตอนในการจุดมีนักกีฬาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ร่วมกันถือคบเพลิงจริง ก่อนส่งต่อให้ หวัง ชุน นักกีฬาว่ายน้ำชาย เจ้าของเหรีญทองโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น ในประเภทเดี่ยวผสม 200 เมตร เป็นผู้จุดร่วมกับมนุษย์ AI ยักษ์
เอเชียนเกมส์ในครั้งนี้มาในธีมของการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เน้นการแสดงแสงสีเสียงในโทนสีฟ้า และเขียว สีหลักของการแข่งขันในครั้งนี้ แสดงถึงความสวยงามของระบบนิเวศน์ มนุษยชาติ ดั่งภาพลักษณ์ของภูเขาสีเขียว กับน้ำสีฟ้า ซึ่งจะผสมผสานกับความเป็นดิจิตัล หรือเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อมอบความทรงจำที่ดีแก่คนทั่วโลก ขายเอกลักษณ์ความเป็นเมืองหางโจว และประเทศจีน
ขณะเดียวกันเจ้าภาพจีน ไม่จุดพลุในพิธีเปิดการแข่งขัน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอากาศให้ได้มากที่สุด เป็นนโยบายการจัดการแข่งขันแบบสีเขียว โดยจะใช้เทคโนโลยีมาเป็นการสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมแทน เช่น ภาพสามมิติแบบไม่ต้องสวมแว่น, พลุดอกไม้ไฟดิจิตัล หรือเทคนิค VR ที่ให้ผู้ชมสัมผัสกับวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมในแบบฉบับของเมืองหางโจว มีการนำเสนอเรื่องราวของดอกหอมหมื่นลี้ แม่น้ำเฉียนถัง และวันศารทวิษุวัต ซึ่งเป็นฤดูลักษณ์ที่ 16 ตามปฏิทินจันทรคติจีน
ด้านการเดินขบวนของนักกีฬาเข้าสู่สนามของทีมชาติไทย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงนำคณะนักกีฬาไทยร่วมเดินขบวน โดยจะมี ธันยพร พฤกษากร นักกีฬายิงปืนสาว กับ วีระพล จงจอหอ นักกีฬามวยสากลสมัครเล่น เป็น 2 ตัวแทนถือธงไตรรงค์ ซึ่งเจ้าภาพให้มีตัวแทนทั้งชาย และหญิง เพื่อเน้นเรื่องความเท่าเทียม
ขณะที่นักกีฬาจากจีนเจ้าภาพ เดินขบวนปิดท้าย โดยมีนักกีฬากว่า 800 คน พร้อมเพรียงกันเข้าสู่สนาม ได้รับเสียงปรบมือ และเฮลั่นอย่างกึกก้อง