คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ไมอามี ฮีต เกือบปิดฉากซีซันนี้ไว้แค่ เพลย์-อิน ทัวร์นาเมนต์ กระทั่งปัจจุบันพวกเขาทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ เรียบร้อยแล้ว หลังเข้าเพลย์ออฟ ด้วยสิทธิ์ทีมวางอันดับ 8 สายตะวันออก ชนะ มิลวอกี บัคส์ ทีมวางอันดับ 1 แบบพลิกล็อก 4-1 เกม จากนั้น จิมมี บัตเลอร์ และผองเพื่อน ชนะ นิว ยอร์ก นิกส์ 4-2 เกม ตามด้วย บอสตัน เซลติกส์ อย่างดุเดือด 4-3 เกม
ไมอามี สถิติชนะ 44 แพ้ 38 เฉพาะฤดูกาลปกติ อยู่ห่างแชมป์สมัยที่ 4 ของแฟรนไชส์ แค่ชัยชนะ 3 จาก 5 เกม หลังยัดเยียดความปราชัยคาบ้านครั้งแรกแก่ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ หวุดหวิด 111-108 เฉพาะเพลย์ออฟ ที่สนาม บอลล์ อารีนา ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 มิ.ย.) ตามเวลาไทย ตีเสมอ 1-1 เกม ก่อนย้ายมาสู้กันต่อเกม 3 และ 4 ที่คาเซยา เซ็นเตอร์
ตามประวัติศาสตร์ของ NBA นับตั้งแต่เพิ่มจำนวนทีมเพลย์ออฟเป็น 16 ทีม เมื่อปี 1984 ยังไม่เคยมีทีมวางอันดับ 8 ทีมใดมาถึงขั้นคว้าแชมป์ และ ไมอามี ไม่ใช่ทีมวางอันดับ 8 ทีมแรก ซึ่งทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ
ในฤดูกาลฉบับย่อ 1998-99 เนื่องจากการล็อคเอาท์) นิว ยอร์ก นิกส์ สถิติ ชนะ 27 แพ้ 23 ซิวโควตาสุดท้าย (อันดับ 8 ของเพลย์ออฟ สายตะวันออก การแข่งขันรอบแรก กับ ไมอามี ทีมวางอันดับ 1 ต้องวัดกันถึงฎีกาเกม 5 (ระบบเดิม 5-7-7-7) อัลลัน ฮุสตัน ยิงลูกสำคัญแซงนำ 78-77 เหลือเวลาไม่ถึง 1 วินาที ส่งผลให้ นิกส์ เข้ารอบรองชนะเลิศของคอนเฟอเรนซ์
แพทริค อีวิง เซ็นเตอร์ และผองเพื่อน ดวลกับ แอตแลนตา ฮอว์กส ทีมวางอันดับ 4 แล้วกวาดซีรีส์สบายๆ 4-0 เกม เข้ารอบชิงชนะเลิศสายตะวันออกอันดุเดือด โดย 5 จาก 6 เกมของซีรีส์ เชือดเฉือนกันด้วยผลต่างสกอร์แค่หลักเดียว (1-9 แต้ม) ปรากฏว่า นิกส์ โค่น อินเดียนา เพเซอร์ส นำโดย เรจจี มิลเลอร์ การ์ดจอมแม่น เข้ารอบชิงชนะเลิศ NBA พ่าย ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส 1-4 เกม นับเป็นแชมป์แรกจากทั้งหมด 5 สมัยของ เกร็กก์ โพโพวิช และ ทิม ดันแคน
ปัจจุบัน นิกส์ ฤดูกาล 1998-99 และ ไมอามี ฤดูกาล 2022-23 เป็นเพียง 2 ทีมวางบ๊วย ที่มาไกลกว่าเพลย์ออฟรอบ 2 โดย ทีมของ เอริก สโปลสตรา กำลังท้าทาย ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ฤดูกาล 1994-95 เจ้าของสถิติทีมวางต่ำสุด ซึ่งคว้าแชมป์ NBA หลังเข้าเพลย์ออฟ
ร็อคเก็ตส์ แชมป์เก่า เข้าเพลย์ออฟ 1995 ในฐานะทีมวางอันดับ 6 สถิติ ชนะ 47 แพ้ 35 เฉพาะฤดูกาลปกติ และต้องวัดกับคู่ต่อสู้ถึงเกมสุดท้ายของซีรีส์ ตลอด 2 รอบแรก เอาชนะ ยูทาห์ แจซซ์ 3-2 เกม และ ฟีนิกซ์ ซันส์ ยุค ชาร์ลส บาร์กลีย์ ฟอร์เวิร์ดระดับตำนาน 4-3 เกม
ครั้งนั้น ฮาคีม โอลาจูวอน และผองเพื่อน พลิกสถานการณ์จากตามหลัง ฟีนิกซ์ 1-3 เกม แล้วเช็กบิลเกม 7 นอกบ้าน ด้วยลูกยิง 3 คะแนนขึ้นนำของ มาริโอ เอลี ช่วง 10 วินาทีสุดท้าย ตามด้วยชนะ ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส 4-2 เกม โดยเก็บชัยเกม 5 และ 6 หลังเสมอกัน 2-2 เกม เข้ารอบชิงชนะเลิศ NBA ครั้งที่ 2 ติดต่อกัน พบ ออร์แลนโด แมจิก ยุค 2 ซูเปอร์สตาร์ ชาคิลล์ โอ'นีล เซ็นเตอร์ กับ เพนนี ฮาร์ดอเวย์ การ์ดจ่าย และเอาชนะไป 4-0 เกม
ดังที่เรียนไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมยังเชื่อวา นักเก็ตส์ ของ นิโกลา โยคิช เซ็นเตอร์ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) 2 สมัย กับ จามาล เมอร์เรย์ การ์ดคู่หู จะปิดจ๊อบภายใน 5 เกม ถึงตอนนี้ยังมีความเป็นไปได้ เนื่องจาก โยคิช เหนือกว่า แบม อเดบาโย เซ็นเตอร์ ฮีต ทั้งรูปร่างและทักษะ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถเข้าตีได้ง่ายสุด ยิ่งสามารถกินฟาวล์บุคคลได้ด้วย ยิ่งเหมือนเป็นโบนัส จุดนี้ย่อมหวังผลได้มากกว่าลูกยิง 3 คะแนนของ ไมอามี
ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่ บัตเลอร์ โชว์ฟอร์มระดับ MVP ของเพลย์ออฟรอบแรก แต่พอเข้ารอบลึกๆ ชักดูว่ามาๆ หายๆ เช่นเดียวกับแก๊งผู้เล่นไม่ถูกดราฟต์ (undrafted) ซึ่งขาดความสม่ำเสมอ ยิ่ง เดนเวอร์ เพลี่ยงพล้ำมาเกม 2 พวกเขาจะต้องเข้มยิ่งกว่าเดิม และเพื่อกลับไปลุ้นปิดซีรีส์ที่บ้านตัวเอง