คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
เมื่อคุณยืนหยัดเป็น 4 ทีมสุดท้าย ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เพลย์ออฟ ย่อมถือว่ามีโอกาสคว้าแชมป์ตามทฤษฎี และ ไมอามี ฮีต ซึ่งปราศจากซูเปอร์สตาร์ มาถึงจุดนั้นเรียบร้อยแล้ว
การแข่งขันครั้งนี้อาจไม่ใช่การประกบคู่ชิงแชมป์สายที่ใครๆ คาดไว้ ไมอามี จบฤดูกาลปกติอันดับ 7 ของคอนเฟอเรนซ์ ปราชัยเพลย์-อิน ทัวร์นาเมนต์ กระทั่งได้สิทธิ์ทีมวางอันดับ 8 และกลายเป็นทีมวางบ๊วย ซึ่งทะลุถึงรอบชิงแชมป์สายทีมแรก นับตั้งแต่ นิว ยอร์ก นิกส์ เมื่อปี 1999 และปัจจุบันยังเป็นเพียงทีมเดียวที่เเข้ารอบชิงชนะเลิศ NBA โดยพ่ายแก่ ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส
จึงเกิดข้อสงสัยว่า ฮีต ของ เอริก สโปลสตรา จะไปได้ไกลกว่า นิกส์ 1999 หรือไม่ หากเปรียบเทียบตามอัตราบริษัทรับพนันถูกกฎหมายแห่งหนึ่ง และตามหน้าเสื่อ พวกเขาคือเต็งบ๊วยของการลุ้นแชมป์ ด้วยเรต +1500 และความน่าจะเป็น 9 เปอร์เซ็นต์
ย้อนกลับไปปี 2011 นักวิจารณ์ อีเอสพีเอ็น (ESPN) คาดการณ์ว่า ดัลลัส มาเวอริกส์ จะถูก แอลเอ เลเกอร์ส เขี่ยตกรอบ 2 เพลย์ออฟ สายตะวันตก และ 2 รอบถัดมา กูรู 15 จาก 22 คน มองว่า ไมอามี จะเอาชนะ ดัลลัส รอบชิงชนะเลิศ ผลปรากฏว่า เดิร์ก โนวิตซ์กี และผองเพื่อน ฝ่าฟันจนถึงแชมป์
พิจารณาตัวเลขสถิติ ไมอามี ป้องกันดีสุดอันดับ 7 ของลีก ช่วงฤดูกาลปกติ ขณะที่ ดัลลัส รั้งอันดับ 8 ฤดูกาล 2010-11 บัตเลอร์ สกอร์เฉลี่ย 31.1 แต้ม และ เดิร์ก เฉลี่ย 27.7 แต้ม สำหรับการเผชิญหน้า บอสตัน เซลติกส์ รองแชมป์เก่า แฟนๆ ฮีต ย่อมคาดหวัชัยชนะอย่างน้อย 1 เกม ตามผลงานอันร้อนแรงของ บัตเลอร์
ไมอามี พลิกล็อกเขี่ย มิลวอกี บัคส์ ทีมวางอันดับ 1 ของสาย ตกรอบแรก บัตเลอร์ ซัดเฉลี่ย 30.0 แต้ม ตลอด 3 เกมแรกของซีรีส์ แล้วปิดฉากฤดูกาลของ ยานนิส อันเตโตคุมโป ด้วยสกอร์ 56 แต้ม เกม 4 และอีก 42 แต้ม เกม 5
ไม่มีใครเหลียวมอง ไมอามี ก่อนเริ่มซีรีส์นั้น แต่ผู้เล่นบางคนกล้าแบกรับความท้าทายอย่าง บัตเลอร์ ซึ่งแฟนๆ ได้เห็นแล้วว่าเขาเอาชนะทั้ง ยานนิส และ จาเลน บรันสัน การ์ดความหวัง นิกส์ รอบ 2 แทบเป็นไปได้ยากที่ ฮีต จะถูก เซลติกส์ กวาดซีรีส์ 4 เกมรวด
ความพ่ายแพ้ของ บอสตัน แบบเหลือเชื่อ เป็นประเด็นน่าสนใจ พวกเชาเสีย 2 เกมแก่ แอตแลนตา ฮอว์กส ทีมวางอันดับ 7 และตกเป็นรอง ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส 2-3 เกม รวมเกม 1 ซึ่ง ซิกเซอร์ส ขาด โจเอล เอ็มบีด เซ็นเตอร์ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ปี 2023
ลูกยิง 3 แต้มของเหล่าตัวสนับสนุน ทำให้ ไมอามี ชนะ 3 เกมชองซีรีส์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเอาชนะ มิลวอกี หลังส่องไกลเข้าเป้า 45 เปอร์เซ็นต์ หากเป็นไปตามนั้น และ ฮีต สามารถลากยาวถึงเกม 7 อะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ
ปีที่แล้ว ทั้ง 2 ทีมพบกันรอบชิงแชมป์สาย และ บัตเลอร์ อยู่ห่างรอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 2 เพียงไม่กี่คืบ แน่นอนการถอนแค้น บอสตัน ยังไม่สามารถทำให้ ไมอามี บรรลุเป้าหมายสูงสุด เนื่องจาก เดนเวอร์ นักเก็ตส์ หรือ แอลเอ เลเกอร์ส ต่างเป็นบททดสอบที่ยากกว่า
แบม อเดบาโย เซ็นเตอร์ สูงเพียง 6 ฟุต 9 นิ้ว เสียเปรียบทั้ง นิโกลา โยคิช หรือ แอนโธนี เดวิส ด้านสรีระ หากเขาสามารถขยับมาทำสกอร์ระยะกลาง ย่อมขจัดจุดอ่อนได้ แต่กุญแจสำคัญขึ้นอยู่กับตัวชู้ตของ ไมอามี อย่าง ดันแคน โรบินสัน, เกบ วินเซนต์ และ แม็กซ์ สตรัส ระยะ 3 เฉลี่ย 2-3 ลูกต่อเกม และ บัตเลอร์, ไคล์ ลาวรี, คาเล็บ มาร์ติน, เควิน เลิฟ เฉลี่ย 1-2 ลูก
คนๆ หนึ่งที่มิอาจมองข้าม คือ สโปลสตรา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นจอมวางแผนคนหนึ่งของลีก หากมองข้ามทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ เขาสามารถหากลยุทธ์เกมรุก-รับ และจังหวะการเล่นอย่างลงตัว
ขุนพล ไมอามี ชุดนี้ รวม อูโดนิส ฮาสเล็ม มี 9 คนที่ไม่ถูกดราฟต์ และ 2 ผู้เล่นที่ถูกดราฟต์มีเพียง เลิฟ กับ ลาวรี อายุ 34 และ 37 ปี ตามลำดับ แต่ สโปลสตรา สามารถเข็นผู้เล่นชุดนี้อยู่ห่างแชมป์แค่ชัยชนะ 8 เกม
นับตั้งแต่ สโปลสตรา กับ บัตเลอร์ ร่วมงานกัน พวกเขาเข้ารอบชิงแชมป์สาย 3 จาก 4 ซีซัน ดังนั้นการขับเคี่ยวกับ 3 ทีมที่เหลือ มีโอกาสว่า บัตเลอร์ จะกลายเป็นผู้เล่นที่ดีสุดของซีรีส์ เท่านี้ก็อาจเพียงพอแล้ว