คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
ปรากฎการณ์ “มะลิ” ทำให้ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ของหวานของไทยเราดังกระฉ่อนไปทั่วโลก ชาวบ้านชาวเมืองยืนต่อคิวซื้อกันยาวเหยียด อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ข่าวนี้ทำให้คุณชูสง่าและลูกก๊วนเกิดอยากกินกันจนน้ำลายสอ “นึกข้าวเหนียว ข้าวเหนียวมะม่วงก็มา” เจ้าเก่งโพล่งอย่างดีใจเมื่อเห็นน้องฝน แคดดี้คนสวยของเฮียขับรถกอล์ฟนำข้าวเหนียวมะม่วงชุดใหญ่มาเอาใจนายกระเป๋าหนักของเธออย่างรู้ใจ เจ้าเด็กอ้วนเอามือลูบพุงแล้วหันมาถามพี่หมอว่า “พี่หมอครับ มีวิธีกินข้าวเหนียวมะม่วงให้อร่อย แต่ไม่อ้วนไหมครับ!”
ข้าวเหนียวมะม่วง อาหารหวานของไทยที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกแล้ว ขณะนี้ใครไม่ว่าไทย-เทศ ได้ลองลิ้มชิมรส แล้วต้องติดอกติดใจไปทุกราย เป็นเมนูที่ค่อนข้างแปลกประหลาด เหมือนเอาข้าวมากินกับผลไม้ แถมมีน้ำกะทิผสมผสานคลุกเคล้าเพิ่มความหอมมัน แถมยังเอาถั่วเขียวซีกคั่วโรยเพิ่มรสชาติกรุบกรอบ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นอาหารคาวหวานที่มีรสชาติสุดยอด ทำลายตบะของผู้มุ่งมั่นลดน้ำหนักมาแล้วอย่างไม่ทันตั้งตัว
ด้วยปริมาณพลังงานจากเจ้าของหวานสุดอร่อยจานนี้ ถ้าทานบ่อยๆอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นเราควรวิธีกินข้าวเหนียวมะม่วงอย่างไร อร่อยได้แบบไม่รู้สึกผิดต่อร่างกายกันดีกว่า
วิธีกินข้าวเหนียวมะม่วงยังไงให้ไม่ลงพุง
1.กินในปริมาณที่เหมาะสม
ข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง ดังนั้นหากคิดจะกินคนเดียว 1 จาน ควรกินในปริมาณพอเหมาะ 4-5 คำ หลังมื้ออาหาร หรือกินแทนข้าวมื้อนั้นไปเลย
2.เลือกกินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว
3.เลือกข้าวเหนียวดำ หมากว่าข้าวเหนียวขาว
เป็นที่ทราบกันดีว่าข้าวดำคือข้าวที่ยังไม่ขัดสีจึงเต็มไปด้วยกากใยอาหาร และสารอาหารที่ดีต่อร่างกายมากมาย ดังนั้นหากเลือกประเภทของข้าวเหนียวได้ ควรเลือกกินข้าวเหนียวดำมากกว่าข้าวเหนีบวขา
4.ลดกะทิ
กะทิกว่า90%เป็นไขมมันอิ่มตัว การรับประทานกะทิมากๆอาจเพิ่มความเสียงไขมันอุดตันในเลือด รวมถึงอ้วนขึ้นได้ ดังนั้นควรรับประทานแต่พอเหมาะ หรือหากเลี่ยงหรือลดได้ก็ควรลด
5.ผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว ควรระวัง
ผู้สูงอายุ และหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับภาวะน้ำตาลหรือไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังในการรับประทาน คือไม่รับประทานข้าวเหนียวมะม่วงมากเกินไป หรือย่อยจนเกินไป สำหรับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงดีก็ไม่ควรกินมากกว่า 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
หลังเพลิดเพลินกับเมนูข้าวเหนียวมะม่วงแล้ว ควรออกกำลังกายและควบคุมพลังงานในมื้ออาหาถัดไปให้สมดุล เพื่อไม่ให้ในวันนั้นๆได้รับพลังงานจากอาหารมากเกินจำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงโรคร้าย และน้ำหนักที่แอบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว