คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
ผลงานของทีมชาติเวียดนาม ชุดใหญ่ หลังจบฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบที่ 3 ด้วยการแข่งขัน 10 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 8 นัด มี 4 แต้ม แม้จะจบที่อันดับบ๊วยของกลุ่มบี แต่การเปิดบ้านชนะ จีน 3-1 และบุกเสมอ ญี่ปุ่น 1-1 ก็เป็นเรื่องน่าพอใจระดับหนึ่ง
อาจจะมีเสียงครหาถึง 4 แต้มที่ได้มาว่า จีน นั้นไม่อยู่ในมาตรฐานที่เคยเป็น ส่วน ญี่ปุ่น ที่เข้ารอบสุดท้ายไปแล้วก็จัดทีมแบบเปลี่ยนยกแผงถึง 9 คน แต่ต้องยกเครดิตให้พลพรรค "ดาวทอง" ภายใต้การนำของ ปาร์ก ฮัง ซอ ว่าเขารู้จักผู้เล่น จนสามารถวางแผนการเล่นที่เหมาะสมกับฝีเท้าของนักเตะ และนำทีมไปสู่ทิศทางที่ต้องการได้
แม้แต่กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ยังกล่าวชมว่า เวียดนาม ชุดนี้เล่นด้วยกันมาอย่างยาวนาน จนเข้าขารู้ใจ และรู้ว่าจุดแข็งของตัวเองคือเกมรับ ช่วยกันอย่างแข็งขันมีวินัย และเปลี่ยนโอกาสเดียวที่มีให้เป็นประตูได้
ก่อนหน้านี้การพลาดแชมป์อาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ทำให้มีข่าวลือเรื่องตำแหน่งของ "โค้ชปาร์ก" มากมาย เพราะแพ้ใครไม่แพ้ ดันแพ้ไทยแลนด์แบบแทบจะสู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อผลงานในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ปิดสวยด้วยการบุกเสมอ ญี่ปุ่น ได้ ทุกอย่างก็ดูกลับมาโอเคอีกครั้ง
โดย "โค้ชปาร์ก" กล่าวไว้น่าสนใจว่า ต่อให้เขาไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนต่อไป แต่ เวียดนาม ยังต้องไปต่อ และต้องดีขึ้น ในเมื่อพวกเขาสามารถต่อกรกับชาติชั้นนำของทวีปได้แล้ว หลายๆ อย่างที่ได้เจอก็จะพัฒนาไปด้วย ไม่เฉพาะแค่ฝีเท้า หากแต่รวมถึงการบริหารจัดการเรื่องฟุตบอล
แหม...เกือบจะหล่ออยู่แล้วเชียว แต่บอกตามตรงว่า การที่ทีมชาติเวียดนาม ทำผลงานได้ดีในหลายรายการนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลีกในประเทศยอมหลีกทางให้ เพื่อให้นักเตะมีเวลาเก็บตัวฝึกซ้อมกับทีมชาติ มองว่าดี มันก็ดีแหละครับ แต่การปิดลีกนานๆ นานขนาดว่าเป็นเวลา 4 เดือนเพื่อซีเกมส์ และ เอเชียนเกมส์ รวมถึงทัวร์นาเม้นท์อื่นๆ นั้น ไม่น่าจะใช่การบริหารจัดการที่ดีในระดับมืออาชีพแน่นอน
นี่เห็นสื่อเวียดนามกำลังสนุกกับการเล่นข่าว เหงียน กวง ไห่ แนวรุกซูเปอร์สตาร์จะไปค้าแข้งลีกต่างแดน แต่กลับกลัวว่าพอถึงเทศกาลซีเกมส์เดือนพฤษภาคมนี้ เจ้าตัวจะกลับมาช่วยชาติในฐานะผู้เล่นอายุเกิน 23 ปี ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ คิดแล้วมันก็รู้สึกโหวงๆ อยู่สักหน่อย