xs
xsm
sm
md
lg

รักษาโรคกรดไหลย้อนให้หายต้องปรับพฤติกรรม / พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”

"พี่หมอเก่งขอยาหน่อย"

"เอายาอะไรวะเก่ง"

"ยากรดไหลย้อนครับ" เจ้าเก่งจอมตีไกลประจำก๊วนอ้อนขอยาพี่หมอตลอด

"ไม่ให้โวยโรคนี้" พี่หมอตอบย้ำหนักแน่นทำเอาทั้งเจ้าอ้วนและคุณชูสง่างงเป็นไก่ตาแตก

"ขืนให้ยาก็ต้องกินไปตลอดชีวิตจะให้หายมันต้องเปลี่ยนพฤติกรรมกินแล้วนอนอย่างเอ็งไม่มีวันหายหรอกถ้าไม่ปรับตัวต้องเจอมีดหมอแน่ๆ" พี่หมอขู่ด้วยความหวังดี

คนในวัยทำงานส่วนใหญ่มักมองข้ามเรื่องสุขภาพหักโหมทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างฐานะความมั่นคงให้ชีวิตจนลืมไปว่าร่างกายก็ต้องได้รับการดูแลรักษาเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในโรคยอดฮิตที่เกิดขึ้นในคนกลุ่มนี้คือโรคกรดไหลย้อน ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าโรคกรดไหลย้อนนี้มีอาการอย่างไรและจะป้องกันได้อย่างไร

โรคกรดไหลย้อนคือภาวะที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารจึงมาทำให้เกิดอาการอักเสบของหลอดอาหารส่งผลให้เกิดอาการจุกเสียดแสบบริเวณลิ้นปี่หรือกลางหน้าอกอาจมีอาการเรอเปรี้ยวและคลื่นไส้อาเจียนได้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่จะพบได้มากในกลุ่มวัยทำงานเพราะโรคนี้มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น รับประทานอาหารไม่เป็นเวลาชอบอาหารจุบจิบทานอาหารปริมาณมากในมื้อเดียวเข้านอนหลังกินอาหารทันทีพฤติกรรมเหล่านี้มาผสมกับความเครียดส่งผลให้เกิดภาวะกรดไหลย้อนไม่ง่ายขึ้น

- การรักษาโรคกรดไหลย้อน

แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น เช่น ปรับเรื่องการรับประทานอาหารในปริมาณที่พอดีร่วมกับการออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ควรกินอาหารแล้วนอนทันที แต่ในบางรายจะให้การรักษาด้วยการรับประทานยาในกลุ่มยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะ ช่วยรักษาและป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร แต่สำหรับในรายที่รักษาด้วยยาเป็นเวลานานแล้วยังไม่สามารถควบคุมอาการหรือหยุดยาได้ก็จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

- วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อน

1.ลดความเครียดทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิ ปลูกต้นไม้ ออกกำลังกาย เป็นต้น

2.พักผ่อนให้เพียงพอ

3.หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะไปเพิ่มปริมาณการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร

4.ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย

5.ไม่เข้านอนทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จควรรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง


กำลังโหลดความคิดเห็น