เชื่อว่าหลายคนน่าจะยังจำได้ดี โดยย้อนไปเมื่อปี 2005 แฟนลูกหนังทั่วโลกต่างตื่นเต้นกับภาพยนตร์เรื่อง “Goal” เนื่องจากมีการถ่ายทำในสนามกีฬาจริงๆ เกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ พร้อมกันนี้ ยังมีการปรากฎตัวของซูเปอร์สตาร์ยุคนั้น อาทิ เดวิด เบ็คแฮม, ซีเนอดีน ซีดาน และ ราอูล กอนซาเลซ เรียกได้ว่าทำให้บรรยากาศของหนังนั้นยิ่งสมจริงสมจังขึ้นไปอีก
ฟื้นความจำกันเล็กน้อยรวมถึงเผื่อใครยังไม่ได้ดูตัวละครในเรื่องชื่อว่า ซานติอาโก้ มูเนซ รับบทโดย คูโน เบ็คเกอร์ เนื้อหาคือเด็กหนุ่มชาวเม็กซิกันไล่ตามความฝันเริ่มต้นเล่นให้กับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แห่งศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ก่อนจะดังเปรี้ยงปร้างถูกซื้อตัวไปเล่นให้กับ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด มหาอำนาจลูกหนังประจำเวที ลา ลีกา สเปน
แน่นอนว่า เส้นเรื่องหรือสคริปต์จะเขียนให้เลิศหรูอลังการแค่ไหนก็ได้ เพราะก็ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง กระนั้นก็ตามวันสุดท้ายตลาดซื้อ-ขายนักเตะเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา เรื่อง “Goa“” ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งกระหึ่มโลกออนไลน์ ทันทีที่ นิวคาสเซิล ประกาศคว้าตัว ซานติอาโก มูยอซ กองหน้าดาวรุ่งชาวเม็กซิกันวัยเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น
สำหรับ มูยอซ นั้นย้ายจาก ซานโต๊ส ลากูน่า ด้วยสัญญายืมตัว 18 เดือนพร้อมออปชันซื้อขาด โดยถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับโอกาสลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการให้กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เพราะถูกส่งไปอยู่ระดับอายุไม่เกิน 23 ปี เพื่อปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษให้ได้ก่อน ทำให้ ณ เวลานี้ยังไม่มีใครเห็นฟอร์มรวมถึงยังไม่อาจจะฟันธงได้ว่าจะแจ้งเกิดได้สำเร็จหรือไม่
ดังนั้น มาดูชีวิตของ มูเนซ ในเรื่อง “Goal” กับชีวิตจริงของ มูยอซ กันหน่อยดีกว่า ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันในหลายมิติ โดยครอบครัวของทั้งคู่นั้นหนีความยากจนย้ายออกจากเม็กซิกันไปแสวงโชคที่ประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมหวังว่าจะลืมตาอ้าปากได้ ทำให้ มูยอซ นั้นไปแจ้งเกิดที่เมือง เอล ปาโซ ทางตะวันตกของรัฐเท็กซัส
มูยอซ นั้นไล่ตามฝันด้านลูกหนังของตนเองที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะได้เข้าโปรแกรม “Allstate Dream Alliance” ซึ่งก็ไปเตะตา ซานโต๊ส ลากูน่า ก่อนจะได้ขึ้นชุดใหญ่ลงเล่นระดับอาชีพครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2020 พร้อมได้รับการยกย่องว่ามีสไตล์การเล่นคล้ายกับ ฆาเร็ด บอร์เก็ตติ อดีตกองหน้าเม็กซิโกปัจจุบันวัย 48 ปี อดีตเคยสร้างชื่อกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส บนเวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2005–06 ระดับทีมชาติกดไป 46 ประตูจาก 89 นัด สิ่งที่ทั้งคู่เหมือนกัน ก็คือ มีความโดดเด่นในการสลัดหลุดแผงแนวรับคู่แข่ง
มูยอซ ไม่ใช่กองหน้าที่ปักหลักในกรอบเขตโทษเพื่อรอยิงประตูเพียงอย่างเดียว แต่มักจะถอยต่ำลงมาเก็บบอลและจ่ายบอลได้ดีรวมถึงหาช่องยิงจากระยะไกล ทำให้ยิ่งเล่นนั้นยิ่งเหมือนกับ ราอูล ฆิมิเนซ กองหน้าทีมชาติเม็กซิโกวัย 30 ปีที่ตอนนี้เล่นให้กับ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส บนเวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ย้อนไปเมื่อปี 2019 มูยอซ เริ่มสร้างชื่อในนามทีมชาติชุดเล็ก เริ่มตั้งแต่อยู่ในชุดคว้าแชมป์ คอนคาเคฟ รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี โดยรอบชิงชนะเลิศนั้นยิงประตูได้ด้วยในเกมที่ต่อเวลาชนะ สหรัฐอเมริกา 2-1 ซึ่งทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวเจ้าหนูจังโก้รายนี้กดไปได้รวม 5 ประตู ซึ่งปีเดียวกันยังไปคว้ารองแชมป์โลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีอีกด้วย
ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ มูยอซ นั้นเตะตา ไฆเม่ โลซาโน โค้ชทีมชาติเม็กซิโกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี โดยกล่าวหลังจากเรียกตัวมาเตะคัดเลือกพรี โอลิมปิก 2020 ว่า “ผมเห็นเจ้าหนูรายนี้ตั้งแต่ลงเล่นนัดแรกแล้ว ซึ่งก็ประทับใจทำให้ถึงติดตามดูฟอร์มต่อเนื่องในศึก เวิลด์ คัพ ยู 17 ปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นั้นก็ว่าได้”
ระดับเยาวชน มูยอซ นับตั้งแต่ลงเล่นชุดใหญ่ให้ ซานโต๊ส ลากูน่า เมื่อเดือนตุลาคมปี 2020 ก็ทำได้ 3 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ใน 12 เกมแรก จริงๆ แล้วทีมไม่อยากจะปล่อยให้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แต่ว่านักเตะมีสัญญาถึงแค่ปี 2022 ทำให้เกรงว่าจะเสียไปแบบฟรีๆ ขณะที่ก็ไม่อยากขวางความฝันนักเตะที่อยากไปเล่นระดับยุโรป
สำหรับ มูยอซ นั้นยังไม่ได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติเม็กซิโกชุดใหญ่ ทำให้เจ้าตัวสามารถเล่นให้ สหรัฐอเมริกา ได้เช่นกัน กระนั้นก็ตามไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ เพราะลำดับแรกเจ้าตัวขอมุ่งมั่นสร้างชื่อระดับสโมสรให้มั่นคงให้ได้ก่อน ซึ่งก็ต้องมาดูว่าเจ้าตัวนั้นจะเดินตามรอยประสบความสำเร็จเหมือน มูเนซ ในเรื่อง “Goal” ได้หรือไม่ หรือจะมีเส้นทางอันน่าตื่นเต้นที่แตกต่างออกไป เพราะถือเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีความทะเยอทะยานและมั่นใจสูงคนหนึ่ง