คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
การที่ประเทศไทย ได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2021 ถึง 3 สนาม ประกอบด้วย การท่าเรือ เอฟซี เลือกใช้บริการ บุรีรัมย์ สเตเดี้ยม, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มีสนามเหย้าที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว เปลี่ยนแค่ชื่อเป็น ปทุมธานี สเตเดี้ยม ก็ใช้ได้เลย แต่ที่หนักสุดคือ ราชบุรี เอฟซี เลือกใช้ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งว่ากันตามตรงในสายตาแฟนบอลอย่างเรามองว่านี่แหละสนามระดับนานาชาติของบ้านเรา
แต่ปรากฎว่าพอแข่งขันกันจริงๆ พื้นผิวสนามที่โดนเหยียบย่ำกันไปเรื่อยๆ นัดแรกผ่านไป นัดสอง นัดสามผ่านไป ยังไม่ทันไรสนามราชมังคลากีฬาสถานเละสิครับ วิ่งกันไปไม่ทันไรหญ้าหลุดคล้อยลอยคว้างกันสนุกสนาน กลายเป็นว่าพื้นผิวไม่เรียบ แล้วเล่นฟุตบอลกับพื้นได้ลำบาก หลายทีมเริ่มบ่นว่าผิวสนามนี้สร้างปัญหาจนนำมาซึ่งรูปเกมและผลการแข่งขันอันไม่เป็นใจ
เรื่องนี้ "ทิซัง" ทิวาพล สังขพันธ์ ล่ามส่วนตัวของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เองก็พูดถึงผ่านแฟนเพจ ฟุตบอล 108 ว่า ตัวเขาเองในฐานะคนไทยก็รู้สึกเขินๆ เหมือนกัน เพราะผู้บรรยายเกมลูกหนังแดนปลาดิบเขาล้อออกทีวีกัน อีกทั้งสตาฟฟ์ในทีม ซัปโปโร ยังถามไถ่ด้วยว่าทำไมสภาพสนามถึงย่ำแย่ขนาดนั้น ที่สำคัญการได้เป็นเจ้าภาพแล้วจริงๆ เราควรได้เปรียบเรื่องสนามแข่งขันเพราะความเคยชิน แต่สนามแบบนี้ใครมันจะซ้อมกันได้ สุดท้ายกลายเป็นทีมบ้านเรานี่แหละที่เสียเปรียบคู่แข่ง
หากจะมีใครสักคนต้องรับผิดชอบงานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่เป็นเจ้าของสนามราชมังคลากีฬาสถานนั่นแหละถึงจะถูก (ฮา)
อีกเรื่องที่มีการพูดถึงกันมากคือ สภาพร่างกายของนักเตะตัวแทนทีมไทยลีก ไม่ว่าจะเป็นนักเตะไทย หรือตัวผู้เล่นต่างชาติ ยามต้องปะทะกับสโมสรชั้นนำระดับเอเชีย เห็นได้ชัดเลยในเรื่องของสภาพความแข็งแกร่ง รวมถึงความเร็วในการออกบอล
ครั้งหนึ่ง ชนาธิป เคยพูดถึงความแตกต่างระหว่างไทยลีก กับ เจลีก ว่า ลีกบ้านเกิดของเขามักจะหยุดคิดก่อนออกบอล ทำให้มีช่องค่อนข้างเยอะ ผิดกับลีกญี่ปุ่นที่จะมีการเข้าปะทะเร็วประกบไว ไม่มีเวลามาคิดว่าจะทำอะไร รวมถึงเรื่องสภาพความฟิตด้วย โดย "ชนาคุง" ถึงกับบอกว่าตอนซ้อมนี่หนักมาก โดยเฉพาะพรีซีซั่นที่ญี่ปุ่น ซึ่งเราเห็นได้ชัดเลยว่าเวลานักเตะไทยไปทดสอบฝีเท้า หรือร่วมฝึกซ้อมกับสโมสรในต่างแดนแล้วนักเตะไทยหลายๆ คนจะบอกว่าซ้อมโหดกว่าเมืองไทยเยอะ
นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องความสามารถเฉพาะตัว ไม่ต้องใครเลย "โค้ชเศก" เศกสรร ศิริพงษ์ ของ ราชบุรี เอฟซี นี่แหละ ที่พูดเองว่าเวลาเจอกัน 1 ต่อ 1 กับนักเตะที่มาจากเจลีก ไม่ว่ารุกหรือรับ นักเตะจากไทยลีกมักจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ หรือถึงแย่งบอลคืนมาก็น้อยมาก
ดังนั้นทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาทั้งหมด คือ ความแตกต่างระหว่างผู้เล่นจากลีกบ้านเรา กับทีมชั้นนำของทวีป ที่เราต้องยอมรับ แล้วนำไปซ่อมแซมแก้ไข เพื่อยกระดับกันต่อไป