ศึกลูกหนัง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มาถึงเกมนัดสุดท้ายของซีซั่น 2020/21 ในคืนวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคมนี้ แม้จะรู้กันหมดแล้วว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี คือแชมป์ซีซั่นนี้ กับ 3 ทีมที่ตกชั้นไปเรียบร้อยคือ ฟูแล่ม, เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่ยังมีอีกหนึ่งเรื่องให้แฟนบอลลุ้นตัวโก่งนั่นคือศึกชิงตั๋ว ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ว่าใครจะคว้าโควต้า 2 ที่นั่งสุดท้ายไปฟาดแข้งถ้วยยุโรปซีซั่นหน้า
เกมนัดสุดท้ายของ พรีเมียร์ ลีก เตะพร้อมกันหมดทุกคู่คือเวลา 22.00น. กระนั้นมี 3 เกมที่น่าจะอัดแน่นด้วยความมันระดับสิบ นั่นคือคู่ระหว่าง เชลซี เยือน แอสตัน วิลล่า, ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเจอ คริสตัล พาเลซ และ เลสเตอร์ ซิตี ต้อนรับ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ อันเป็นบิ๊กแมตช์ส่งท้ายซีซั่น และทั้ง 3 เกมนี้ มีตั๋วตะลุยถ้วยบิ๊กเอียร์ 2 ใบที่เหลือเป็นเดิมพันว่าใครจะได้ไป
แมนเชสเตอร์ ซิตี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้โควต้าไปเตะ แชมเปียนส์ ลีก ซีซั่นหน้าในฐานะแชมป์ลีก และรองแชมป์ที่อยู่ในท็อป 4 แต่อีก 2 ใบ เป็นเรื่องที่ เชลซี, ลิเวอร์พูล และ เลสเตอร์ ซิตี ต้องไปชิงกันเอง โดยสถานการณ์บนตารางปัจจุบัน “สิงห์บลูส์” อยู่อันดับ 3 มี 67 แต้ม แต่ก็ยังไม่ชัวร์เพราะห่างกับ “หงส์แดง” และ “จิ้งจอก” ซึ่งอยู่อันดับ 4-5 เพียงแต้มเดียวเท่านั้น
เชลซี ของ โธมัส ทูเคิล ตั้งแต่เข้ามาคุมแทน แฟรงค์ แลมพาร์ด เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา เกมลีกผ่านไป 18 นัด ชนะ 11 เสมอ 5 แพ้ 2 นับว่าน่าพึงพอใจสำหรับ โรมัน อับราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซีย และแฟนบอล แม้จะชวดหยิบแชมป์แรกให้ตัวเองเพราะพ่าย เลสเตอร์ ซิตี ในเกมเอฟเอ คัพ แต่ก็ยังมีลุ้นถ้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ในเกมนัดชิง วันที่ 29 พฤษภาคมนี้ ที่ลิสบอน โปรตุเกส
เกมเยือนนอกบ้านเจอ แอสตัน วิลล่า นัดส่งท้าย ดูทรงแล้วไม่ใช่งานยากสำหรับพลพรรค “สิงห์น้ำเงิน” แห่งลอนดอน เพราะหากพิจารณาความเป็นจริง เกมนัดชิงกับ “เรือใบสีฟ้า” ดูทรงเป็นงานยากกว่าแม้หากได้แชมป์จะได้ลงแข่ง แชมเปียนส์ ลีก ปีหน้าแบบอัตโนมัติก็ตาม ดังนั้น ทูเคิล และลูกทีมน่าจะเน้นการบุกไปเอา 3 แต้มจาก วิลล่า กลับบ้านให้ได้ก่อนเพื่อความชัวร์
ตัดภาพไป ลิเวอร์พูล ชัยชนะเกมล่าสุดเหนือ เบิร์นลีย์ 3-0 ส่งผลให้ทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ขยับขึ้นที่ 4 แม้จะมีแต้มเท่ากับ เลสเตอร์ ซิตี ที่ 66 แต้ม แต่ประตูได้เสียดีกว่า โดยเกมสุดท้ายได้เล่นที่ แอนฟิลด์ เจอกับ คริสตัล พาเลซ ต่อหน้าแฟนบอลที่จะได้เข้ามาดูติดขอบสนามเรือนหมื่นคน ซึ่งที่ผ่านมา พลพรรค “เรด แมชชีน” มักฟอร์มกระฉูดเสมอต่อหน้าสาวก “เดอะ ค็อป” เจอ พาเลซ ทีไรก็เหมือนเคี้ยวขนมชนะมา 7 เกมรวด ก็ไม่น่าเป็นงานยากเช่นกัน
สุดท้ายคือ เลสเตอร์ ซิตี ที่กลับมาผงาดอีกครั้งจากการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ด้วยชัยชนะเหนือ เชลซี 1-0 แบบเซอร์ไพรส์ ทำให้สื่อทุกสำนักทั่วโลก กลับมาจับตามองเหล่าพลทัพ “จิ้งจอก” อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนัดสุดท้ายได้เปิด คิง พาวเวอร์ สเตเดียม เจอกับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ และเกมนี้ฝั่งเจ้าบ้านจะได้ต้อนรับแฟนบอลชาวเมืองเลสเตอร์ กลับเข้าสนามอีกครั้งด้วย
เลสเตอร์ ซิตี ออกสตาร์ทซีซั่นนี้แบบไม่ไฉไลเท่าใดนัก 10 นัดแรกทำแต้มหายไปเยอะ ชนะ 3 แพ้ 4 เสมอ 3 แต่พอเข้าปี 2021 ก็ไล่เก็บแต้มโกยขึ้นมาเกาะกลุ่มท็อป 4 ได้แบบเร้าใจ แม้ปัจจุบันจะลงไปอยู่อันดับ 5 เพราะเสียเปรียบเรื่องประตูได้เสีย แต่เมื่อตามหลัง เชลซี แค่แต้มเดียว ก็ทำให้ลูกทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีกำลังใจล้นเหลือสำหรับการสู้เพื่อไป แชมเปียนส์ ลีก ครั้งแรกในรอบ 6 ปี
ย้อนกลับไปหน่อย “เดอะ ฟ็อกซ์ส” ได้ลิ้มลองเตะถ้วยบิ๊กเอียร์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อปี 2016 หลังคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก แบบหักปากกาเซียนในยุคของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ แถมผลงานยังน่าประทับใจ ฝ่าด่านอรหันต์รอบแบ่งกลุ่มซึ่งมีทีมแข็งอย่าง ปอร์โต้ เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม ผ่านเข้าไปถึงรอบน็อคเอาท์ ก่อนจอดป้ายที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเพราะแพ้ให้ แอตเลติโก้ มาดริด แบบน่าเสียดายรวมสองนัดเพียง 1-2
อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์ ยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส โมงยามนี้แข็งแกร่งกว่ายุคของ รานิเอรี พอสมควร มีผู้เล่นชุดแชมป์อย่าง เจมี วาร์ดี, แคสเปอร์ ชไมเคิล เป็นแกนหลัก ร่วมแรงกับเลือดใหม่ไฟแรงทั้ง เคเลชิ อิเฮียนาโช, เจมส์ แมดดิสัน, ยูริ ตีเลอมองส์, ฮาร์วีย์ บาร์นส รวมถึงแผนการเล่นของ “บีร็อด” ที่บุกกันสนุกเร้าใจกว่า ทำให้ เลสเตอร์ กลายเป็นอีกหนึ่งทีมที่แฟนบอลทั่วโลกให้ความสนใจติดตามดูทุกสัปดาห์ ไม่แพ้ทีมยักษ์ต่างๆ ในยุโรป
แม้จะเป็นงานหนักสักหน่อยในการเจอ “ไก่เดือยทอง” ซึ่งมีทั้งดาวยิงพระกาฬอย่าง แฮร์รี เคน, ซอน เฮือน-มิน, ปีกจอมกระชากอย่าง แกเร็ธ เบล แต่ย้อนไปดูผลงานการเจอกัน 5 นัดหลังสุด ทั้ง เลสเตอร์ และ สเปอร์ส ต่างฟัดกันมันหยด สลับกันชนะ-แพ้ และทุกเกมจบลงแบบมีประตูกันหมด น่าจะการันตีความมันระดับ 5 ดาวได้ไม่ยาก
ที่สุดแล้วหากพลาดตั๋ว แชมเปียนส์ ลีก เลสเตอร์ ก็ยังมีถ้วย เอฟเอ คัพ เป็นเครื่องบันทึกความทรงจำอันงดงามของซีซั่นนี้ อย่างไรก็ตาม หากชนะ สเปอร์ส และได้โควต้าไปเล่นถ้วยบิ๊กเอียร์ น่าจะเป็นฉากจบที่สวยสดงดงามยิ่งกว่า สำหรับแฟนบอลชาวไทย-เทศ และ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เจ้าของทีมคนปัจจุบัน เพราะหลายคนน่าจะอยากเห็นการฉายหนังซ้ำที่คนไทยลงไปฉลองแชมป์ เอฟเอ คัพ กับลูกทีมในสนามจนเป็นภาพประทับใจของคนทั่วโลกไปเลย