เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ซิตี กำชับลูกทีมอย่าออกอาการประหม่าเลก 2 เหมือนครึ่งแรกของเกมเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หวุดหวิด 2-1 ศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ เลก 1 วันพุธที่ 28 เมษายน
ซิตี พลิกสถานการณ์ครึ่งหลัง ด้วยประตูของ เควิน เดอ บรอยน์ กับ ริยาด มาห์เรซ กลายเป็นฝ่ายกุมชะตารอบตัดเชือก
เมาริซิโอ โปเชตติโน กุนซือ “เปแอสเช” ซึ่งเคยเขี่ย “เดอะ ซิตีเซ็นส์” ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ปี 2019 ดูเหมือนจะย้ำแค้นได้อีกครั้ง หลังขึ้นนำ 1-0 จากลูกโหม่งของ มาร์ควินญอส ปราการหลังบราซิเลียน
“เรือใบสีฟ้า” มีปัญหาด้านการรับมือความสามารถเฉพาะตัวของ เนย์มาร์ ดาวยิงเลือดแซมบ้า แต่กลับลงสนามด้วยความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม หลังพักครึ่ง
ถึงแม้สถิติระบุ ไม่มี สโมสรจากอังกฤษ ในประวัติศาสตร์ แชมเปียนส์ ลีก ตกรอบน็อกเอาต์ หลังชนะเลกแรก 47 ครั้ง บิ๊กบอสชาวสเปน กล่าว “หากเราประหม่า และเล่นแบบไม่ใช่ตัวเราเอง อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ เพราะพวกเขามีคุณภาพเพียงพอพลิกสถานการณ์ได้”
“แต่ถ้าเราเล่นด้วยคุณภาพอย่างที่เราทำได้ช่วงครึ่งหลัง เราน่าจะมีโอกาสเข้ารอบชิงชนะเลิศ”
“ช่วง 15 นาทีแรกของเกมเยือน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ครึ่งแรกของเกมเหย้า พบ ดอร์ทมุนด์ มันเหมือนๆ กัน ทุกคนมีความมุ่งมั่น แต่เราต้องเรียนรู้ นี่เป็นเพียงครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งเรามาถึงจุดนี้ เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้เล่น ไม่มีใครเคยเล่นรอบรองฯ แชมเปียนส์ ลีก แตกต่างกับทีมอื่นๆ มันเป็นกระบวนการที่ผมต้องสอนพวกเขาว่า เมื่อเราเป็นตัวเราเอง ทุกอย่างจะง่ายขึ้น เราจะมีความดุดัน และไหลลื่นมากกว่าเดิม”
“ผมพอใจบรรยากาศในห้องแต่งตัว หลังลูกทีมเยือกเย็นลง ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในเลก 2 ตอนนี้เราต้องโฟกัสเกมพบ คริสตัล พาเลซ เพื่อก้าวย่างที่มีความหมายของ พรีเมียร์ ลีก” อดีตเทรนเนอร์ บาร์เซโลนา และ บาเยิร์น มิวนิก ทิ้งท้าย