ข่าวใหญ่สะเทือนเลือนลั่นวงการเมื่อตำรวจแคว้นคาตาลัน บุกค้นสำนักงานของสโมสร บาร์เซโลน่า มหาอำนาจแห่งศึก ลา ลีกา สเปน เพื่อรวบรวมหลักฐานไปตรวจสอบ พร้อมกันนี้ ยังได้จับกุม โจเซฟ มาเรีย บาร์โตเมว อดีตประธานถิ่น คัมป์ นู ในข้อกล่าวหาที่เล่นไม่ซื่อ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ภายใต้คดีที่ชื่อว่า “บาร์ซาเกต (Barcagate)”
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ตำรวจแบ่งกำลังเป็น 2 ทีมบุกรวบตัว บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสร บาร์เซโลน่า ที่ลาออกไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว พร้อมพรรคพวกที่เคยอยู่ในบอร์ดบริหารรวมถึงทำงานในถิ่น คัมป์ นู ไม่ว่าจะเป็น เฆาเม มาสเฟร์เรร์ ที่ปรึกษา, ออสการ์ เกรา ซีอีโอ และ โรมัน โกเมซ ปอนติ หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย พร้อมนำตัวไปฝากขังไว้ที่สถานีตำรวจ ขณะที่อีกทีมไปค้นเอกสารที่ออฟฟิศของ บาร์ซ่า หาหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อเอาผิดทั้งหมด
ล่าสุด บาร์เซโลน่า คลอดแถลงการณ์หลังจากได้รับหมายค้นจากศาลว่า “การอนุญาตให้ตรวจค้นตามคำสั่งศาลเกี่ยวกับการว่าจ้างบริษัทบุคคลที่ 3 และการติดตามข้อมูลทาง โซเชียลมีเดีย สโมสร บาร์เซโลน่า มีความยินดีให้ความร่วมมือแก่ตุลาการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพิสูจน์ความจริง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลและเอกสารต่างๆ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ร้องขอ หรืออะไรก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี สุดท้ายนี้เราขอแสดงความนับถือต่ออำนาจตุลาการอย่างสูง แต่เบื้องต้นตอนนี้สันนิษฐานว่าผู้ถูกจับกุมยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์”
จากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนว่า บาร์โตเมว กับเดอะแก๊งนั้นผิดจริงหรือไม่ โดยข้อหาที่เกิดขึ้นระหว่างดำรงตำแหน่งประธานสโมสร บาร์เซโลน่า ก็คือ ได้จ่ายเงินจ้างบริษัทชื่อ I3 Ventures (ไอทรี เวนเจอร์ส) ปีละ 1 ล้านยูโร (ประมาณ 38 ล้านบาท) ทำ IO ด้วยการสร้างเพจทำคอนเทนต์ใดๆ ก็ตามบนโลกโซเชียล โดยมีเป้าหมายดิสเครดิตบุคคลใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ บาร์เซโลน่า ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม งานนี้เรียกได้ว่าใครอยู่ฝั่งเดียวกันก็จะยกย่องความดีความชอบประเคนกันเข้าไป แต่ถ้าฝั่งตรงข้ามก็จะโจมตีให้ไม่มีชิ้นดีด้วย เฟก นิวส์
สำหรับเพจที่บริษัท I3 Ventures หรือภาษาสเปนอ่านว่า “อีเตร เบนตูเรส” สร้างขึ้นมามีทั้งหมด 6 เพจ ประกอบไปด้วย Més que un club, Respeto y Deporte, Alter Sports, Sport Leaks, Justicia y Diálogo และ Jaume
ที่สำคัญเลย เงินว่าจ้างถึงปีละ 1 ล้านยูโร ให้กับบริษัท I3 Ventures เพื่อดูแลภาพลักษณ์ของทีมนั้นมันมากเกินไปจนหลายคนสงสัย เพราะเอาจริงๆ แค่ปีละ 300,000 ยูโร ก็ถือว่ามากพอแล้วกับงานแต่นี้ แต่ว่าสอบพิรุธว่ามีการสั่งจ่ายเช็กถึง 6 ครั้งตกครั้งละราว 180,000 ยูโร รวมกันก็ทะลุ 1 ล้านยูโร ส่วนคนสั่งจ่าย ก็คือ มาสเฟร์เรร์ คนสนิท บาร์โตเมว เข้าทำนองที่ว่างานสกปรกก็ต้องจ้างด้วยเงินที่สูงเกินจริงไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีใครรับทำ
เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้เราย้อนไปถ้ายังจำกันได้มีนักเตะ บาร์เซโลน่า ถูกโจมตีมากมาย ไม่เว้นแม้กระะทั่ง ลิโอเนล เมสซี ซุปตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ ที่มีข่าวว่าไม่ยอมต่อสัญญาฉบับใหม่ เรื่องนี้ก็อาจจะมาจากฝีมือ IO พวกนี้เช่นกัน คนอื่นที่โดนด้วย ก็มี เคราร์ด ปิเก้, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ ชาบี เอร์นานเดซ
ทั้งหมดคือการดิสเครดิตเล่นกับอารมณ์และไม่ให้คนๆ นั้น มามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของแฟนบอลได้ ดังนั้น เมื่อทำอะไรลงไปก็จะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบมากนัก น่าตกใจที่นักเตะที่ยังอยู่ภายในทีมด้วยตอนนี้ คือ เมสซี กับ ปิเก้ ถูกเงินของสโมสรตัวเองมาว่าจ้างเพื่อใส่ร้ายป้ายสีตัวเอง นอกจากนี้ ภารกิจสำคัญ บาร์โตเมว ยังใช้บริษัทที่ว่าจ้างนี้เล่นงาน 2 ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานสโมสรคนใหม่สมัยต่อไปหรือศัตรูทางการเมืองด้วย ก็คือ วิคเตอร์ ฟอนท์ และ โจน ลาปอร์ต้า
บาร์โตเมว พยายามที่จะแก้ต่างว่า บริษัท I3 Ventures นั้น ว่าจ้างมาเพื่อดูแลภาพลักษณ์ให้กับ บาร์เซโลน่า แต่มันดันมีฉากหลังหรือภารกิจลับให้เล่นงานคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ก็ถือเป็นเรื่องปกติของสมัยนี้ที่แทบจะทุกวงการนั้นต้องมีการต่อสู้กันด้วยข้อมูล ซึ่งแน่นอนมันมีคนที่ไม่เชื่อ แต่ก็มีคนที่ไม่มีวุฒิภาวะมากพออ่านแล้วเสพข่าวแล้วไม่ได้ไปหาข้อมูลเพิ่มก็เชื่อว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริงและชิงชังบุคคลที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี
แล้วมาดูกันว่าทำไมถึงจับได้ว่า บาร์โตเมว กับทีมงานคนสนิทนั้นมีการจ้าง IO เล่นงานทุกคนก็เป็นเพราะว่ารองประธานสโมสรรู้สึกแปลกกับการกระทำของประธานสโมสร รวมถึงเริ่มไม่พอใจ เพราะตนเองน่าจะกลายเป็นคนที่ถูกวางให้ขึ้นชิงตำแหน่งประธานคนต่อไป แต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้นก็เริ่มสอบสวนหาข้อมูลต่างๆ จนเริ่มระแคะระคาย ซึ่ง บาร์โตเมว ก็พยายามจำกัดด้วยการพยายามที่จะบีบให้ออกจากตำแหน่งรองประธานสโมสร กระนั้นก็ตามไม่ได้หยุดการขุดค้นเรื่องเลวร้ายต่างๆ
แน่นอนว่า เดิมที บาร์โตเมว ไม่ได้ตั้งใจลาออกจากตำแหน่งประธานสโมสร บาร์เซโลน่า อยู่แล้ว แต่ทั้งหมดก็เป็นผลพวงมาจากการบริหารที่ไม่โปร่งใสของตนเอง เรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่ทำไว้นั้นก็ถูกกลบๆ จนพอกพูนและปูดออกมา นอกจากนี้ ก็มีสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่มาโจมตีอีก ทำให้สถานการณ์ของทีมเลวร้ายการเงินเศรษฐกิจของทีมเจอปัญหารุมเร้า ดังนั้น จึงตัดสินใจชิงลาออกไปก่อน แต่ถึงตอนนี้ก็ไม่อาจรอดจากผลกรรมของตนเองที่กระทำไว้
ถึงตอนนี้น่าตกใจแบบสุดๆ ที่สโมสรมหาอำนาจของโลกอย่าง บาร์เซโลน่า มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะมีอย่างที่ไหน บาร์โตเมว กับบอร์ดบริหารใช้เงินโจมตีนักเตะตนเอง มันแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันภายในแล้วผลงานในสนามจะดีได้อย่างไร ส่วนทิศทางของทีมและนักเตะอย่าง เมสซี จะดำเนินไปอย่างไรหลังมีคดีนี้ถือว่าน่าติดตามอย่างยิ่งว่ามันจะนำทีมไปถึงจุดไหนเลวร้ายแค่ไหนและจะกลับมาได้อย่างไร