เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ตำหนิ วิดีโอช่วยตัดสิน (VAR) สร้างจุดเปลี่ยน เป็นเหตุให้พ่าย เลสเตอร์ ซิตี หมดรูป 1-3 ศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดียม วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์
คล็อปป์ ยอมรับลูกทีมหมดหวังป้องกันแชมป์ หลังพังประตูขึ้นนำจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าความหวัง แต่ถูก “เดอะ ฟ็อกซ์” ยิงคืน 3 ลูกรวด ภายในระยะเวลาห่างกัน 7 นาที
“ใช่ ผมไม่อยากจะเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ภาพรวมของเกมวันนี้ ค่อนข้างน่าพอใจ แต่เราต้องหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด และความไม่เข้าใจกัน”
เกิดประเด็นดรามา VAR ริบจุดโทษคืนจาก เลสเตอร์ เหลือฟรีคิก จังหวะ ติอาโก อันคานทารา ทำฟาวล์ ฮาร์วีย์ บาร์นส เนื่องจากทั้งคู่ปะทะกันนอกเขต
เจมส์ แมดดิสัน จอมทัพ “สุนัขจิ้งจอก” ยิงลักไก่เสียบมุมเสาไกล แต่ผู้กำกับเส้นยกธง แดเนียล อมาร์ตีย์ ที่พยายามชาร์จจ่อๆ ล้ำหน้า ผู้ตัดสินรีวิวเหตุการณ์ แล้วยืนยันว่าเป็นประตู
บิ๊กบอสชาวเยอรมัน กล่าว “เราเสียประตูแบบไม่น่าเสีย ผมบอกแบบนี้หลายครั้ง VAR เป็นสิ่งที่ควรมีความเที่ยงตรง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มันไม่ใช่ เพราะใครบางคนต้องตัดสิน ไม่ว่ามันจะล้ำหน้าหรือไม่ และเหตุการณ์ไหนควรตัดสินว่าเป็นลูกล้ำหน้า”
“ผมเห็นรีเพลย์มาหลายครั้ง และสิ่งที่ผมเห็น คือ แมดดิสัน ยังไม่ได้สัมผัสบอล ตอนที่เขาตัดสินเหตุการณ์นั้น นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ สจวร์ต แอตต์เวลล์ (ผู้ตัดสิน VAR) ต้องชี้แจงว่า ทำไมถึงเลือกจังหวะนั้น”
อดีตเทรนเนอร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถูกจี้ให้ขยายความ แอตต์เวลล์ เลือกหยุดภาพผิดจังหวะ “ใช่ แน่นอน เท้าของเขา (แมดดิสัน) ยังอยู่หลังลูกฟุตบอล ดังนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่า เขาเตะลูกออกไปแล้ว อีกเสี้ยววินาทีต่อมา นักเตะ เลสเตอร์ 3 คน วิ่งเข้าหาประตู นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น”