"บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสมมือ 3 ของโลก และเอิร์ธ พุธิตา สุภจิรกุล หญิงคู่ทีมชาติไทย เผยสภาพร่างกายพร้อมสุดขีดในการลงสู้ศึกใหญ่ในบ้าน มั่นใจมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของรัฐบาลไทย และพร้อมปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ความเคลื่อนไหวของการแข่งขันแบดมินตัน 3 รายการใหญ่ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในเดือนมกราคมปีหน้า ได้แก่ รายการ "โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020" เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างวันที่ 12 - 17 มกราคม 2564 ต่อด้วยรายการ "โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020" เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างวันที่ 19 - 24 มกราคม 2564 และ เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนัลส์ 2020 ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดผ่าน 3,000 ล้านครัวเรือนทั่วโลก ส่วนในประเทศไทย ทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสดให้แฟนกีฬาได้รับชมแบบจุใจ
ล่าสุด "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสมมือ 3 ของโลก เผยว่า “สภาพร่างกายฟิตเต็มที่ เรามีเวลาเตรียมตัวมาเกือบปี ทั้ง 3 รายการในบ้านเราเป็นศึกหนักมากๆ แล้วยิ่งในระดับเวิลด์ทัวร์ 1000 ฉะนั้นต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมที่สุด ส่วนมาตรการป้องกันโควิด-19 เป็นเรื่องที่ดี ประเทศไทยมีระบบป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ดีอยู่แล้ว เพื่อนักกีฬาทุกคนที่เดินทางเข้ามาแข่งขัน เพราะว่าจะต้องเข้ากักตัวหรือบับเบิ้ลควอรันทีนเป็นเวลา 14 วัน สร้างความมั่นใจทั้งเราและนักแบดมินตันต่างชาติด้วย”
ปอป้อ ทรัพย์สิรี กล่าวว่า “ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่เราจะได้ลงแข่งขันในระดับเวิลด์ทัวร์ 1000 ในบ้านตัวเอง และเป็นรายการสูงสุดของเวิลด์ทัวร์ด้วย กองเชียร์พวกเราก็คอยสนับสนุนเรามาตลอด ทั้งบาสกับปอป้อก็เต็มที่ทุกแมตช์ที่ลงแข่งขันตลอดเวลา เราก็ยังฝึกซ้อมตามโปรแกรมในช่วงที่ห่างสนามไปนานเกือบปี”
“ในเรื่องของเสียงเชียร์ในสนามไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร อย่างไรในการแข่งขันเราก็ต้องทำให้เต็มที่อยู่แล้ว การได้แข่งขันในรายการระดับเวิลด์ทัวร์ 1000 ในเมืองไทยเป็นเรื่องที่ดีมากที่เราจะได้มีเวลาพักผ่อน ไม่ต้องเดินทางไกล ช่วงที่เราได้รองแชมป์ออลอิงแลนด์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาไม่ได้สูญเสียความมั่นใจมากนัก เราได้มีเวลาในการปรับส่วนที่ผิดพลาดของตนเองไปด้วย” บาส เดชาพล กล่าวเสริม
สำหรับเป้าหมายของทั้งสองในศึกเวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ ทั้งคู่ยอมรับว่าจะต้องเก็บคะแนนจาก 2 รายการแรกให้ได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้อันดับคะแนน Race to Bangkok เรายังห่างจากท็อป 8 พอสมควร ดังนั้นในการแข่งขัน 2 รายการแรกจะต้องเข้ารอบรองชนะเลิศให้ได้ทั้งคู่เพื่อลุ้นติด 1 ใน 8 ไปเล่นในรายการสุดท้าย และจะทำให้เต็มที่ที่สุด
ทางด้าน “เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล หญิงคู่ทีมชาติไทย กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเราที่ได้มีเวลาเตรียมตัวนานพอสมควร สภาพร่างกายตอนนี้ฟิตมาก พร้อมทุกๆด้านทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับการแข่งขันทั้ง 3 รายการในเมืองไทยในต้นปีหน้า ส่วนเป้าหมายของเอิร์ธนั้น จะโฟกัสไปทีละรอบเพราะว่าทุกชาติไม่ง่ายเลย ช่วงนี้เราอยู่ในช่วงที่มั่นใจเหมือนกัน จะพยายามทำผลงานเข้ารอบให้ลึกที่สุด และพร้อมที่จะดวลกับทุกคน ทั้งนี้ในช่วงที่โปรแกรมหยุดไปนาน ส่วนตัวมองว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบนัก เพราะว่าเรามีเวลาเตรียมตัวฝึกซ้อมเท่ากันๆ อยู่ที่ผลงานในสนามแล้วว่าใครจะทำผลงานได้ดีกว่ากัน”
นอกจากนี้ทั้งสามยังกล่าวถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของทางรัฐบาลว่า ไม่ได้รู้สึกกังวล จากที่เราได้รับข้อมูลมาพอสมควรว่าเราจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง เพราะว่างานนี้ทางรัฐเคร่งครัดอย่างมาก เราทั้ง 3 คนก็มั่นใจและมีความพร้อม ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้น แต่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขันครั้งนี้ต้องปฏิบิติตามกฏทุกอย่าง และจะปฏิบัติตามมาตรการของทางภาครัฐ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน
สำหรับการจัดการแข่งขันแบดมินตันทั้ง 3 รายการ จัดขึ้นภายใต้มาตรการของรัฐบาลไทยที่ทางกระทรวงสาธารณสุขรองรับอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าประเทศไทยของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ต่างประเทศ การเดินทางถึงโรงแรมที่พัก ส่วนบริเวณสนามแข่งขันจะมีการแบ่งโซนอย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่ในการแข่งขันต้องอยู่ในสถานที่กักตัวที่จัดใว้ให้เท่านั้น ส่วนการสัมภาษณ์นักกีฬาเป็นการสัมภาษณ์ผ่านระบบออนไลน์ โดยทุกภาคส่วนต้องปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุขไทยและบีดับเบิ้ลยูเอฟอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้การแข่งขันทั้งสามรายการเป็นการแข่งขันแบบปิด ไม่อนุญาตให้มีผู้ชมภายในสนาม ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและลดความความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้แฟนแบดมินตันสามารถชมการถ่ายทอดสดการประชันฝีมือของนักแบดมินตันระดับโลกได้ทางหลากหลายช่องทาง ทรูวิชั่นส์ ,ทรูโฟร์ยู, ทีเอ็นเอ็น และทรูไอดี ทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดสดทุกวันๆละ 2 สนามๆ ละ 10 คู่ รวมถ่ายทอดสดวันละ 20 คู่ โดยถ่ายทอดผ่านทาง truesports HD3 ช่อง 668, truesports 7 ช่อง 686 และ truesports HD2 ช่อง 667 รวมเป็นการถ่ายทอดรายการ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 95 คู่, โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 95 คู่ และ เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนัลส์ 75 คู่
และรับชมผ่านทาง True4U เฉพาะคู่ที่นักกีฬาไทยลงทำการแข่งขันทุกวัน รายการ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น จะถ่ายทอดสดวันอังคารและวันพุธ ระหว่างเวลา 16.30 - 19.00 น. วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น. และวันเสาร์ระหว่างเวลา 16.30– 18.30 น. วันอาทิตย์ระหว่างเวลา 14.30 - 17.00 น., โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น จะถ่ายทอดสดวันอังคารและพุธ ระหว่างเวลา 16.30 - 20.00 น. วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น., วันเสาร์ เวลา 16.30 - 20.00 น. และวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 16.30 - 19.00 น., เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ จะถ่ายทอดสดวันพุธระหว่างเวลา 16.30 - 20.00 น., วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ระหว่างเวลา 14.30 - 18.00 น. วันเสาร์ ระหว่างเวลา 17.00 – 20.00 น. และวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 14.30 – 18.00 น. และสามารถอัพเดททุกแมตช์ เกาะติดทุกการแข่งขันได้ทาง TNN 16