คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ทำได้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างงดงาม สำหรับแชมป์โลกเข็มขัด 4 เส้นชาวอังกฤษ “เอเจ” แอนโธนี่ โจชัว ที่ขึ้นชก “ไฟต์บังคับ” ป้องกันเข็มขัดโลกทั้ง 4 เส้นกับยักษ์ชาวบัลแกเรีย คูบรัต ปูเลฟ ที่เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ของสถาบัน IBF และทาง IBF สั่งให้ “เอเจ” ขึ้นป้องกันเข็มขัด “ไฟต์บังคับ” นี้กับปูเลฟ ก่อนที่จะไปเปิดศึกอื่น
ก่อนชกทางผู้ท้าชิงมีสถิติน่ากลัวใช่ย่อย ชกมา 29 ไฟต์ ชนะ 28 น็อก 14 พ่ายเพียงไฟต์เดียวเมื่อปี 2014 ให้กับยอดแชมป์โลกรุ่นยักษ์ไร้เทียมทานในตอนนั้น “ด็อกเตอร์สตีลแฮมเมอร์” วลาดิเมียร์ คลิทช์โก้ นอกนั้นชนะมารวด เจอมวยดังๆ มาบ้างอย่างดีเร็ก ชิโซร่า ก็ชนะคะแนนมาได้อย่างไม่เอกฉันท์ หรือกับเควิน จอห์นสัน ก็ชนะคะแนนมาได้ แต่อายุอานามปาเข้าไป 39 ปีแล้ว ส่วน “เอเจ” แอนโธนี่ โจชัว แฟนมวยรู้จักดี เพิ่งคว้าเข็มขัดโลกกลับมาได้จาก “ตุ้ยนุ้ย” แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก็เรียกว่าร้างสังเวียนมา 1 ปีพอดีๆ ในช่วงโรค “โควิด-19” ที่ระบาดไปทั่วโลกนี้
ไฟต์นี้ชกกันที่สังเวียนเอสเอสอี อารีน่า ในเวมบลีย์ โดยขายตั๋วให้แฟนๆ เข้าชมได้ 1,000 คน ก่อนชกทาง “เอเจ” ชั่งน้ำหนักได้ 240 ปอนด์ ซึ่งหนักกว่าตอนที่ทวงเข็มขัดคืนจากแอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ เมื่อปีที่แล้วอย่างที่ว่าถึง 4 ปอนด์ ส่วนผู้ท้าชิงหนัก 239 ปอนด์ ซึ่งเบาที่สุดนับแต่ปี 2009 มาเลยทีเดียว เรียกว่าฟิตมาเต็มที่ แต่ปรากฏว่าฟิตมายังไงไม่ทราบ คูบรัต ปูเลฟ ขึ้นมาเป็นกระสอบทรายให้แชมป์โลกชาวอังกฤษไล่ยำซะอย่างนั้น โดย “เอเจ” อาศัยแย็ปซ้ายที่แม่นยำและรวดเร็ว แย็ปค้ำไว้จนปูเลฟเสียจังหวะ พอพยายามเข้าใกล้ก็โดนอัปเปอร์คัตขวาหนักๆ จนโดนไปถึง 2 นับในยกที่ 3 ซึ่งนับแรกถือว่าเสียฟอร์มมากเพราะผู้ท้าชิงอันดับ 1 รายนี้หันหลังวิ่งหนีเอาดื้อๆ จากนั้นเกมการชกเป็นไปอย่างวันเวย์ จนยก 9 โจชัวงัดอัปเปอร์คัตขวาจนปูเลฟร่วงไปอีกที พอลุกขึ้นมาก็โดนขวาตรงเข้าเต็มกรามกรรมการนับ 10 “เอเจ” ชนะน็อกไปด้วยเวลา 2:58 นาทีในยกนี้เอง
ผ่านไฟต์นี้ไปได้ ก็เท่ากับว่าเส้นทางที่ยักษ์อังกฤษสองราย คือแอนโธนี่ โจชัว กับ “ยิปซีคิง” ไทสัน ฟิวรี่ จะมาเจอกัน ก็สะดวกขึ้นแล้ว เพราะทั้งคู่มีการตกลงในเบื้องต้นกันแล้ว ว่าปี 2021 นี้เจอกันแน่ แถมเปิดอ๊อปชั่นแก้มือไว้เรียบร้อย เรียกว่าไม่ต้องหนีไม่ต้องกลัว ใครพลาดก็ยังได้แก้มือแน่นอน ศึกนี้ต้องเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่แน่ๆ เพราะจะเป็นการเปิดศึก “รวบแชมป์” ในรุ่นเฮฟวี่เวทมาไว้ที่เอวของนักชกรายเดียวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2000 ที่ตอนนั้นเลนน็อกซ์ ลูอิส เป็นเจ้าของเข็มขัดโลกของ WBA, WBC และ IBF โดยที่ตอนนั้น WBO ยังไม่ได้รับการยอมรับเป็นองค์กรหลักของโลก แม้จะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1988 ก็ตาม
แต่ทางไทสัน ฟิวรี่เอง ก็ต้องลุ้นเหมือนกันกับศึก “ภาค 3” กับดีออนเตย์ ไวล์เดอร์ ที่แฟนๆ คิดว่าจบไปแล้ว เพราะทางไวล์เดอร์จัดชกไม่ได้ทันเวลาตามเงื่อนไข แต่ตอนนี้ปรากฏว่าทางนักชกอเมริกันยื่นเรื่องต่อคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อให้พิจารณาว่าฟิวรี่ยังต้องให้ไวล์เดอร์ได้แก้มืออยู่ ผลการตัดสินยังไม่ออกมา ออกมาเมื่อไหร่เราถึงจะรู้กันว่าเราจะได้ดู “ศึกสายเลือด” เพื่อ “รวบแชมป์” หรือจะได้ดู ฟิวรี่-ไวล์เดอร์ “ภาค 3” กัน ยังไงไฟต์ไหนก็มันส์แน่ ขอให้ได้จัดจริงเท่านั้นแหละ