คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ฟุตบอลชิงแช้มพ์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 16 (UEFA Euro 2020) ที่เดิมมีกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมานั้นเจอปัญหาการแพร่ระบาดของ โคโรนาวายรัส (COVID-19) ที่ส่งผลให้การแข่งขันของลีกในประเทศต่างๆในทวีปยุโรปเกิดสะดุด ทาง ยูเอ๊ฟฟ่า จึงมีมติให้เลื่อนการแข่งขันไปจัดในปีถัดไป โดยกำหนดเป็นช่วงระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม 2021 แต่ก็มีมติให้ใช้ชื่อเดิมว่า ยูเอ๊ฟฟ่า ยูโร 2020 นี่เหลือเวลาอีกประมาณครึ่งปีเท่านั้น กระนั้นสิ่งต่างๆก็ยังดูติดขัดไปหมด
มันเป็นความฝันของ มีเช็ล ปลาตีนี (Michel Platini) นาโปเลองลูกหนัง อดีตจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส ผู้เคยกุมบังเหียน สหสมาคมฟุตบอลยุโรป หรือ ยูเอ๊ฟฟ่า ที่ต้องการจัดใหญ่ในโอกาสที่การแข่งขันรายการนี้เดินทางมาครบรอบ 60 ปีพอดี นับตั้งแต่หนแรกในปี 1960 โดยจะให้การแข่งขันกระจายออกไปยัง 4 มุมทวีปยุโรปเลย นั่นจึงเป็นเหตุให้มีเจ้าภาพถึง 12 เมือง
ฝันสลายตั้งแต่ มีเช็ล โดนสอยร่วง ถูกแบนโดย ฟีฟ่า จากตำแหน่งประธาน ยูเอ๊ฟฟ่า ไปก่อนด้วยข้อหาทุจริต แม้หมอนี่จะเคยฝันไกลขนาดจะชิงตำแหน่งประธาน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า แต่นับแต่นั้นมา ยังไม่อาจเคลียร์ข้อสงสัยให้ความกระจ่างต่อสาธารณะได้
นี่ยังดีที่ใน 12 เมืองเจ้าภาพนั้น ไม่มีเมืองของดินแดนน้ำหอมรวมอยู่ด้วย เพราะเมื่อวานนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อ โคโรนาวายรัส ในประเทศฝรั่งเศสพุ่งขึ้นสูงมากภายในวันเดียว 52,518 ราย ถือว่าเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกในประเทศ
ยูโร 2020 จะเป็นหนแรกที่ถูกจัดในปีเลขคี่ และ ไม่ใช่ปีที่เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน ที่เรียกว่า ปีอธิกสุรทิน หรือฝรั่งเรียกว่า leap year โดยนัดเปิดสนามกำหนดไว้ที่ สตาดิโอ โอลิมปิโก ดี โรมา (Stadio Olimpico di Roma) ในกรุงโรมา ประเทศอิตาลี วันที่ 11 มิถุนายน ซึ่งจุผู้ชมได้ถึง 72,692 ที่นั่ง แต่เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ ทางการจะอนุญาตให้มีผู้ชมได้หรือไม่ และถ้ามีผู้ชมต้องมีมาตรการจำกัดจำนวนเหลือเท่าไรด้วย โดยล่าสุด เมื่อวานนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ โคโรนาวายรัส ใน อิตาลี เพิ่มขึ้นภายในวันเดียวนั้นยังอยู่ในอันดับต้นๆของโลกคือ 22,253 คน รวมผู้ติดเชื้อ 7.3 แสนคน
24 ชาติกำลังเฝ้ารอเวลาที่จะเข้าชิงชัยถ้วยใบใหญ่สุดของทวีปของฟุตบอลชายด้วยรูปแบบที่ถอดออกมาจากการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 1986-1994 ที่มี 24 ทีมเหมือนกัน นั่นคือ รอบแรก แบ่งเป็น 6 กลุ่มๆละ 4 ทีม พบกันเองในกลุ่ม แล้วให้ 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม พร้อมกับทีมที่จบอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม รวมเป็น 16 ทีม เข้ารอบต่อไป ซึ่งจะใช้ระบบ น้อค-เอ๊าท์ ไปจนนัดชิงชนะเลิศ แต่ดูเหมือนว่าฝันของทั้ง 24 ชาติต่างก็ค่อยๆเลือนรางยิ่งวันก็ยิ่งไกลออกไปอีก
สนาม เคร็สต๊อฟสกี้ (Krestovsky Stadium) ในเมือง เซ็นต์ ปีเต้อร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย นี่ก็จุผู้ชมได้ถึง 67,800 คน และ รัสเซีย เคยออกปากขอรับเป็นเจ้าภาพแต่เพียงผู้เดียวเต็มๆเลย จึงอาจเป็นทางออกของ ยูโร 2020 ตอนนั้น อัตราการติดเชื้อ โคโรนาวายรัส ของ รัสเซีย เพิ่มขึ้นแค่เปาะแปะ เพียงวันละ 10 กว่าคน แต่ในปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้พุ่งไปที่ 18,257 คน ภายในวันเดียว รวมผู้ติดเชื้อ 1.6 ล้านคน
การแข่งขันตั้งแต่รอบน้อค-เอ๊าท์ 16 ทีม ยาวไปจนถึง นัดชิงชนะเลิศ ยูเอ๊ฟฟ่า เล็งไว้ที่ เว็มบลีย์ สเตเดี้ยม (Wembley Stadium) ที่จุผู้ชมได้ 90,000 ที่นั่ง ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรป รองจาก คั้มพ์ นู (Camp Nou) ของ บารเซโลนา ที่จุดผู้ชมได้ 99,354 ที่นั่ง แต่ ยูโร หนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้อง สนามเจ้าภาพใน สเปน เขาใช้เพียง ซาน มาเมส (Nuevo San Mamés) ใน บิลเบา อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นใน 24 ชั่วโมงของ อังกฤษ อยู่ที่ 18,950 คน กรุงลอนเดิ้น ไม่มีใครออกมาเพ่นพ่านนอกบ้าน กำลังกลายเป็นเมืองร้างอยู่ทุกวันนี้ แล้วอีกครึ่งปีมันจะมีปาฏิหาริย์อะไรให้ ยูโร 2020 ยิ่งใหญ่คึกคักอย่างที่ใครๆฝันได้หรือไม่
นอกจากปัญหาโรคระบาด ปัญหาสงครามยังทำให้ต้องกุมขมับอีก สนาม บาคือ โอลิมปิยา สตาดิโอนู (Bakı Olimpiya Stadionu) ใน อาเซอรบายจัน ที่จุผู้ชมได้ 69,870 คน ตอนนี้กำลังมีปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับ อารเมเนีย ที่เกิดมาหลาย 10 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสงครามระหว่าง 2 ชาติที่ต่างก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของ สหภาพโซเวียต ซึ่งผมได้ยินว่า อีกไม่กี่สัปดาห์ เขาคงพิจารณาตัด อาเซอรบายจัน ออกจากเมืองเจ้าภาพครับ
