คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด - 19 เวลานี้ถือว่ารุนแรงหนักมาก ซึ่งผลกระทบมันชักจะกว้างออกไปเรื่อยๆ โลกกีฬาโดนเต็มๆ ลีกฟุตบอลในประเทศต่างๆ ถ้ารุนแรงมากเขาก็เลื่อน หากพอรับมือไหว ก็จะเลือกแข่งแบบปิด ไม่มีผู้ชมแทน หันมองไทยลีกของเรา ฟาดแข้งกันไปแค่ 4 นัด ต้องจำใจเลื่อนออกไป โดยมีกำหนดว่าเราจะกลับมาในวันที่ 18 เมษายน
โดยหากว่าสถานการณ์ไม่รุนแรงมากก็กลับมาแข่งขันต่อได้ แต่หากรุนแรง แต่ควบคุมได้ก็อาจจะต้องเล่นกันในระบบปิด เพื่อความปลอดภัยของแฟนบอล แต่พอมีข่าวว่านักกีฬาจากลีกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ติดเชื้อ โควิด-19 เช่นเดียวกับนักกีฬาจากลีกบาสเกตบอลNBA สหรัฐฯ ทีนี้ก็เริ่มมีความกังวลว่ามันอาจจะเป็นอันตรายกับนักฟุตบอลบ้านเราด้วย
เนื่องจากปัจจุบัน (ข้อมูลวันที่ 12 มีนาคม 2563) ยืนยันว่าประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ เพิ่มขึ้น 11 ราย รวมแล้วมีทั้งสิ้น 70 ราย มันถือเป็นตัวเลขที่น่ากลัวทีเดียว จึงมีความเป็นห่วงตามติดมาว่า หากสถานการณ์มันไม่ปลอดภัยจริงๆ เราควรเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกออกไปก่อน แต่การเลื่อนออกไปนั้นมีรายจ่ายที่ต้องแลกมาคือ เวลาที่สูญเสียไปนั้น มันส่งผลกระทบต่อการที่เราต้องมาไล่ตะบี้ตะบันเตะในช่วงเวลาหลังจากนั้น
ที่เป็นห่วงกันคือโปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ตอนนี้นัดเปิดบ้านเจอกับ อินโดนีเซีย วันที่ 26 มีนาคมนี้ และ ต้อนรับทีม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วันที่ 4 มิถุนายนนี้ ถูกเลื่อนออกไปแบบไม่รู้ชะตากรรม ต่อด้วยนัดอุ่นเครื่องกับ กือราเซา วันที่ 31 มีนาคม ก็โดนยกเลิก เอาหละอุ่นเครื่องช่างมัน แต่ฟุตบอลโลกอย่างไรเสียก็ต้องแข่ง เมื่อเรามีโปรแกรมลีกชุก มันก็อาจส่งผลต่อฟอร์มของผู้เล่นทีมชาติไทย ชุดใหญ่ด้วย
อีกเรื่องที่่ห่วงกันมาก คือหากเลื่อนโปรแกรมไทยลีก ออกไปเรื่อยๆ มันมีปัญหาเรื่องสัญญาของนักเตะที่ทำกับสโมสรต่างก็หมดกันเดือนตุลาคมนี้ ขืนเลื่อนไม่ดูตาม้าตาเรือ โปรแกรมแข่งหลังเดือนตุลาคมสโมสรฟุตบอลอาจไม่มีนักเตะแข้งนอกลงสนาม เพราะเขาหมดสัญญาแล้ว ดังนั้น ทั้งหมดนี่เป็นปัญหาให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ ไทยลีก ต้องมาขบคิดกันว่าจะหาทางออกอย่างไรดี
ปัญหาที่ตามมามันยังไม่จบ เพราะระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคมนี้ จะมีการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ให้ทีมชาติชุดใหญ่ได้ลงสนาม แต่แว่วมาว่า หากปัญหาผลกระทบจาก โควิด -19 ยังปั่นป่วนจนต้องเลื่อนฟุตบอลลีกเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ที่ อากิระ นิชิโนะ กุนซือทีมชาติไทย อาจตัดสินใจแบ่งทีมออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดใหญ่ไว้แข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ส่วนชุด อายุไม่เกิน 23 ปี จะส่งไปล่าแชมป์อาเซียนปลายปีนี้แทน
ซึ่งหากมันออกมาแบบนี้ก็น่าจะเป็นทางออกที่สวยงามพอสมควร เพราะทีมยู 23 ของเราดูเหมือนจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ นับจากตกรอบแรก ซีเกมส์ 2019 แล้วกลับมาได้ดีในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2020 ที่สามารถเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ โดยมีด่าวเด่นหลายคนที่น่าจะเป็นตัวหลักในทีมชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็น กฤษดา กาแมน, อิรฟาน ดอเลาะ, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา หรือแม้แต่ เบนจามิน เดวิส จากฟูแล่มก็ตาม ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าบรรดาดาวรุ่งได้หาประสบการณ์ระดับอาเซียน และยังเป็นการสร้างเสริมกระดูกสำหรับก้าวสู่ทีมชาติชุดใหญ่ไปในตัวด้วย และถ้าจะพลาดแชมป์ก็คงไม่เสียหายอะไรมากหรอกมั้ง?
