คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
เมื่อวันงานแถลงข่าว “สานพลังบอลไทย ไปเลสเตอร์ ซิตี้” ส่ง 3 นักเตะดาวรุ่ง "เช็ค" สุภโชค สารชาติ, "อาร์ม" ศุภชัย ใจเด็ด และ "แบงค์" ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา แห่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปร่วมทดสอบฝีเท้าที่อังกฤษ เนวิน ชิดชอบ นายใหญ่แห่งทีม "ปราสาทสายฟ้า" พูดหลายคำทำให้สื่อต้องเก็บไปคิด โดยเฉพาะการไปต่างแดนของ 3 นักเตะครั้งนี้ หากว่าผ่านก็จะได้เล่นลีกอังกฤษ หรือถ้าฝีเท้าไม่ถึงก็ยังมี โอเอช ลูเวิน ที่เพิ่งเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเบลเยียมรองรับ และอาจได้ไปเล่นยูโรป้า ลีก เวทีลูกหนังยุโรปได้อีก ซึ่งวรรคทองน่าจะเป็นคำพูดที่ว่า "สำหรับผมการจะส่งนักเตะไปเล่นแค่เจลีกมันไม่ใช่เป้าหมาย"
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ ธีราทร บุญมาทัน ยังเป็นผู้เล่นในสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นมีข่าวว่าสโมสร เจลีก แสดงความสนใจ ซึ่งมีนักข่าวหลายคนไปถาม เนวิน ว่าตกลงเอาอย่างไร เขาบอกว่าก็มีแต่ข่าวไม่เห็นมีใครติดต่อมา มีแต่คนอ้างว่าเอเยนบอกว่ารู้จักคนโน้นคนนี้ รอให้มันเกิดการย้ายก่อนแล้วสโมสรจะประกาศอย่างเป็นทางการเลย แล้วสุดท้ายก็มีการประกาศอย่างเป็นทางการจริงๆ แต่กลายเป็นว่า ธีราทร ย้ายสู่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยเหตุผลเป็นความต้องการของผู้เล่นเอง และอย่างที่เราทราบกันว่าจากนั้นไม่นาน ธีราทร ก็ย้ายสู่เจลีกในที่สุด
จากนั้น เนวิน เองก็พูดผ่านสื่อหลายครั้งเรื่องการส่งผู้เล่นไปเจลีก ว่าเป็นเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจอย่างดีที่สุด เพราะผู้เล่นในความดูแลของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลายคนในทีมชุดปัจจุบันนั้น ก้าวมาจากอคาเดมี่กว่าจะได้เลื่อนมาสู่ทีมชุดใหญ่นั้นคัดจากพันเหลือร้อย จากร้อยเหลือสิบ และจากสิบก็เหลือแค่หลักหน่วย ซึ่งต้องผ่านระยะเวลาหลายปีกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้นการจะปล่อยนักเตะสักคนสู่ลีกญี่ปุ่น หรือลีกอื่นๆ ในเอเชีย ก็ต้องให้เขาได้มีโอกาสลงสนาม ไม่ใช่ไปแล้วนั่งข้างสนาม ถ้าไม่ได้อย่างที่บอกก็ไม่ต้องไป
มีอยู่ครั้งหนึ่งนายใหญ่แห่ง "ปราสาทสายฟ้า" ยืนยันชัดเจนว่า เงื่อนไขในการลงสนามของผู้เล่นที่ย้ายไปเจลีก คือเงื่อนไขสำคัญ เมื่อจะไปลีกต่างประเทศก็ควรจะไปเล่น ไปหาประสบการณ์ ไม่ใช่ไปนั่งสำรองอยู่ข้างสนาม แบบนี้เขาบอกว่า "เสียของ" โดยแท้ พร้อมกับยกตัวอย่างนักฟุตบอลเวียดนามไปถูกดองที่เจลีกเสียเวลาเป็นปีๆ แล้วไม่ได้อะไรเลย
เท่าที่ฟังมา เนวิน มองว่า เจลีก เป็นเพียงแค่บันไดขั้นแรกเท่านั้น สำหรับการส่งนักฟุตบอลไทยสู่เวทีลูกหนังอย่างฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ซึ่งการจะไปถึงวันนั้นได้จะต้องมีนักฟุตบอลทีมชาติไปอยู่ในลีกชั้นนำของโลก ซึ่งครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของการส่งนักเตะไทยไปสู่ระดับโลก
ที่สำคัญตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็เป็นสโมสรจากไทยลีก ที่คุ้นเคยกับการต้องต่อกรกับสโมสรจากลีกชั้นนำของทวีป รวมถึง เจลีก จนทำให้ค่าสัมประสิทธิ์ของไทยลีก เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อโควต้า เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2021 ที่เราได้เพิ่มจาก 1+2 (1 ทีมเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ส่วน 2 ทีมเพลย์ออฟ) เป็น 2+2 ทีมในที่สุด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ขาใหญ่แห่ง "ปราสาทสายฟ้า" จะดูไม่ตื่นเต้นอะไรกับการส่งนักเตะไปเจลีก...