คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
นักเตะค่าตัวแพงที่เขาพูดกันนั้น มันคือค่าโอนย้ายจากต้นสังกัดเก่าเพื่อไปค้าแข้งกับสโมสรแห่งใหม่ โดยหากนักเตะคนนั้นยังมีสัญญาติดพันอยู่ เมื่ออยากย้ายสังกัดก่อนเวลาสิ้นสุดสัญญาหรือมีสโมสรใดสนใจดึงตัวมาสร้างอนาคตร่วมกัน มันก็ต้องกำหนดจำนวนเงินชดเชยเพื่อซื้อตัวด้วยการยกเลิกสัญญาที่ยังเหลืออยู่ เรียกกันง่ายๆว่า ค่าฉีกสัญญา บางคนมีราคาแพงนับเป็นสถิติโลก อันนี้ คนละเรื่องกับเงินเดือน รายได้ ผลประโยชน์ ที่นักเตะจะได้รับจากต้นสังกัดนะครับ
เราคงทราบกันดีว่า เจ้าของสถิติโลกของค่าฉีกสัญญาที่แพงที่สุดในปัจจุบันเป็นของ เนย์มาร (Neymar Jr.) กองหน้าทีมชาติบราซิว วัย 28 ปี ที่ย้ายจาก บารเซโลนา (Fútbol Club Barcelona) ไปเล่นให้ ปารี แซ็ง-แชรแม็ง (Paris Saint-Germain Football Club) เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2017 ด้วยค่าตัว 222 ล้าน เออโร หรือ 198 ล้าน พาวน์ดส เพราะ เนย์มาร เซ็นสัญญา 5 ปีกับ บารซา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2013 ซึ่งจะไปสิ้นสุดกลางปี 2018 เมื่อต้องการย้ายสังกัดก่อนสิ้นสุดสัญญา 1 ปี ก็ต้องชดเชยให้ บารซา ไม่ว่า เนย์มาร จะจ่ายเองหรือเป็นภาระของ เปแอ๊สเช ก็ตาม
ผมจะบอกว่า ตอนที่ เนย์มาร ย้ายมาเล่นให้ บารซา นั้น ต้นสังกัดเดิมคือ ซานตุช (Santos Futebol Clube) บารซา ก็ต้องจ่ายให้ 57 ล้าน เอวโร แต่ เนย์มาร ได้เงินค่าจ้างแค่ปีละ 7 ล้าน เอวโร เท่านั้นเอง จนเมื่อเขาย้ายจาก บารซา มาค้าแข้งกับ เปแอ๊สเช ด้วยสัญญา 5 ปี แม้ค่าโอนย้ายจะมากมาย แต่ตัวเลขค่าจ้างจริงๆของ เนย์มาร คือปีละ 30-35 ล้าน เออโร นอกจากนั้น ยังมีเงื่อนไขรับเงินก้อนงามเพิ่มขึ้นอีก โดยทุกนัดหลังจบการแข่งขันของ เปแอ๊สเช เขาต้องเดินไปขอบคุณแฟนๆของสโมสรที่อัฒจันทร์แล้วจะได้รับโบนัสพิเศษส่วนตัวเพิ่มอีกเดือนละ 375,000 เออโร
ถ้าพูดถึงรายได้ส่วนตัวนั้น ตั้งแต่ก่อนย้ายมา บารซา เนย์มาร มีรายได้ ซึ่งรวมทั้ง ค่าจ้าง โบนัสและผลประโยชน์จากภาพลักษณ์ปีละ 13.8 ล้าน ยูโร ติดอันดับ 7 ของโลก ต่อมา ช่วงที่อยู่กับ บารซา เขามีรายได้รวมประมาณปีละ 22 ล้าน เอวโร ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ของโลก และตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2020 เนย์มาร ขึ้นอันดับ 3 ของโลกด้วยรายได้ปีละ 95 ล้าน เออโร ยังเป็นรอง คริชติอาโน โรเนาโด (Cristiano Ronaldo) ที่ติดอันดับ 2 ด้วยรายได้ปีละ 118 ล้าน เอวโร และ ลิโอเน็ล เม้สซี่ (Lionel Messi) เจ้าของสถิตินักเตะที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก ปีละ 131 ล้าน เอวโร
กลับมาที่เรื่องค่าตัวนักเตะที่แพงที่สุด กีฬาฟุตบอลเริ่มทำกันเป็นอาชีพ มีการจ่ายค่าจ้างนักเตะในสังกัดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่ปี 1885 ตอนนั้น ใครเล่นให้ทีมใดก็ผูกปีเล่นอยู่กับต้นสังกัด ไม่มีการซื้อตัวโยกย้ายไปไหน จนในปี 1893 คืออีก 8 ปีต่อมา มีการบันทึกการซื้อขายนักเตะครั้งแรก นั่นถือเป็นการเริ่มสร้างสถิติโลกเลยทีเดียว โดยนักเตะรายแรกคือ วิลลี่ โกร๊ฟส์ (William "Willie" Groves) กองหน้าชาวสก๊อทท์ ย้ายจาก เว้สบร็อมมิช อัลเบี้ยน (West Bromwich Albion) มาอยู่กับ อั๊สเติ้น วิลล่า (Aston Villa) ด้วยค่าตัว 100 พาวน์ดส แต่นั่นมันเป็นจำนวนเงินเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว ถ้าเทียบค่าเงินในปัจจุบัน ซึ่งคำนวณจากความผันผวนขึ้นลงของเงินเฟ้อ เขาบอกว่ามันเท่ากับประมาณ 11,000 พาวน์ดส หรือประมาณ 4 แสนกว่าบาทครับ
เมื่อไล่เรียงประวัติศาสตร์นักเตะค่าตัวแพงตามทายม์ลายน์ นักเตะที่สร้างสถิตินั้น บอกชื่อไปคงหาคนรู้จักยาก ผมจึงขอข้ามมาในปี 1973 เลย ปีนั้น โยฮัน ไคร้ฟ์ (Johan Cruyff) มิดฟีลด์ตัวรุก ทีมชาติเนเธ่อร์แลนด์ส ย้ายจาก อัยแหย็กซ์ ไป บารซา ด้วยค่าตัว 922,000 พาวน์ดส หรือเทียบค่าเงินในปัจจุบันคือ 11,232,277 พาวน์ดส ในปี 1982 ดิเอโก มาราโดนา (Diego Maradona) มิดฟีลด์ตัวรุก ทีมชาติอารเฆ็นตีนา ย้ายจาก โบกา จูนิออร์ส (Boca Juniors) มา บารซา ด้วยค่าตัว 3 ล้าน พาวน์ดส เทียบเท่า 10,665,190 พาวน์ดส ในปัจจุบัน อีก 2 ปีต่อมา ย้ายไป นาโปลี (S.S.C. Napoli) ด้วยค่าตัว 5 ล้าน พาวน์ดส หรือเท่ากับ 16,188,990 พาวน์ดส ในปัจจุบัน
นักเตะคนอื่นๆที่มีค่าโอนย้ายเป็นสถิติโลกก็มีในปี 1992 ช็อง-ปิแอร ปาแป็ง (Jean-Pierre Papin) 10 ล้าน ปี 1996 โล้น โรเนาโด (Ronaldo) 13.2 ล้าน และปี 1997 ย้ายอีกด้วยค่าตัว 19.5 ล้าน ปี 2001 ซีเนดีน ซีดาน (Zinédine Zidane) สร้างความฮือฮาด้วยค่าตัว 46.6 ล้าน ปี 2009 คริชติอาโน โรเนาโด ค่าตัว 80 ล้าน ปี 2013 กาเร็ธ เบล (Gareth Bale) 86 ล้าน ปี 2016 โปล ป๊อกบา (Paul Pogba) 89 ล้าน ปี 2017 เนย์มาร 198 ล้าน และปี 2020 นี้ ถ้าบรรลุข้อตกลง ลิโอเน็ล เม้สซี่ ซึ่งไม่เคยมีชื่อเป็นเจ้าของสถิติโลกในเรื่องนี้เลย คงได้มีชื่อเข้าในทำเนียบกับเขาบ้างครับ