จากกรณีที่ 3 สโมสรยักษ์ใหญ่ อย่าง การท่าเรือ เอฟซี, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ตั้งโต๊ะแถลงข่าวไม่เห็นด้วยที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศจะไม่ใช้ VAR ในการแข่งขันฤดูกาล 2563 ที่จะกลับมาเตะกันในวันที่ 12 กันยายนนี้
"บิ๊กป๊อก" นายวิลักษณ์ โหลทอง ประธานสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ชี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ควรใส่ใจในการเรียกสโมสสมาชิกเข้าไปพูดคุยและหารือให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ประชุมกันเองภายในแล้วออกข่าวมาแต่ละวันโดยที่ไม่สนใจว่าสโมสมาชิกเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกันการเปลี่ยนโครงสร้างปฏิทินการแข่งขัน เป็นเรื่องใหญ่ ควรแจ้งล่วงหน้ามากกว่านี้
"ประเด็นหลักๆที่เราแถลงในวันนี้จริงๆมีหลายประเด็นมากกว่า VAR ซึ่งในเรื่องของ VAR สมาคมฯ ยื่นอ็อปชั่นมาให้กับทางสโมสรว่าต้องการที่จะใช้ VAR ในฤดูกาลนี้หรือไม่ เรื่องนี้ทางเอสซีจี เมืองทองฯ คิดว่าการมี VAR จะช่วยให้วงการฟุตบอลไทยพัฒนาไปได้ ผมต้องการให้สมาคมฯ เข้ามาคุยกับสโมสรมาชิกมากขึ้น" บิ๊กป๊อก เริ่มกล่าว
"ยกตัวอย่างในเจลีก เขาก็เจอสถานการณ์โควิด-19 เหมือนกัน แต่เขามีการเรียกสโมสรสมาชิกเข้าไปประชุมหารือกันตลอดทุกๆ 2 อาทิตย์ ทำให้สมาคมฟุตบอลของญี่ปุ่นได้รับแนวทางที่ชัดเจนจากหลายๆสโมสร แต่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ของไทย นานๆจะเรียกสโมสรสมาชิกเข้าไปคุยสักที มันเลยมีความเห็นที่ออกมาไม่ค่อยตรงกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่มีการพูดคุยกับสโมสรสมาชิก เป็นการที่สมาคมฯ ประชุมกันเองภายในและก็ออกข่าวออกมาเอง"
"งบประมาณที่สปอนเซอร์จ่ายให้เราหลายๆทีมเขากำหนดมาคือ 12 เดือน ก็คือเดือนมกราคม ถึง ธันวาคม ของทุกปี แต่เวลานี้ในเมืองสมาคมฯ ประกาศเปลี่ยนปฏิทินการแข่งขันข้ามปี มันก็ส่งผลเสียต่อสโมสรที่ต้องบริหารเงินกันใหม่ ยกตัวอย่างลีกอื่นๆ เขามีแต่อยากจะจัดการแข่งขันให้จบโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อเรื่องงบประมาณการทำทีม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ถ้าจะเปลี่ยนตารางการแข่งขันฟุตบอล ควรจะมีการแจ้งล่วงหน้า และมีการเปลี่ยนแบบมีแผนงาน โอเคปีนี้อาจเปลี่ยนเพราะมีโควิด-19 แต่การเปลี่ยนแปลงแบบเร่งด่วนแบบนี้มันก็ลำบาก" ประธานสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวทิ้งท้าย