คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
เกิดข่าวคราวน่าสะพรึงกลัวของ โควิด-19 รอบ 2 หลังปล่อยให้ผู้ติดเชื้อออกมาปะปนกับคนปกติ เราอุตส่าห์พยายามกันมาหลายเดือน แต่คนที่ต้องเข้มงวดกลับหละหลวมเอาเสียดื้อๆ เกรงว่าที่ทำกันมาทั้งหมดจะป่นปี้เพราะคำว่า “วีไอพี (VIP)” หรือเปล่า เราคงได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดการระบาดอีกเลย เพราะทุกคนต่างบอบช้ำกันมาตั้งแต่เดือนมีนาคม บางอาชีพกำลังตั้งหลัก ยืนแบบโงนเงน หากถูกซ้ำอีกดอก ย่อมมีสิทธิ์หมอบจนฟื้นลำบาก
เฟส 1 ที่สหรัฐอเมริกา ยังไม่สิ้นสุด เฟส 2 ก็ดูเหมือนจะตามมา ภายใต้การบริหารของผู้นำที่เห็นเงินตราสำคัญกว่าสุขภาพ และชีวิตของประชาชน บวกกับความหัวแข็ง และการอ้างสิทธิเสรีภาพแบบพร่ำเพรื่อ จนไม่คำนึงถึงส่วนร่วม จึงเป็นเหตุให้ “โควิด-19” ยังคงเล่นงานผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุหลัก 3 ล้านคน ล่าสุด รัสเซลล์ เวสต์บรูก การ์ดจ่าย ฮูสตัน ร็อตเก็ตส์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) เห็นข่าวคราวทาง โซเชียล มีเดีย รายงานกันว่า เจมส์ ฮาร์เดน เพื่อนร่วมทีมของ เวสต์บรูก ติดเชื้อแล้ว รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่พอลองเช็กตามเว็บอย่าง “อีเอสพีเอ็น (ESPN)” หรือ “Yahoo” กลับ ก็เบาใจขึ้นเล็กน้อย เพราะไม่เห็นรายงาน แต่หากทั้งคู่มีปฏิสัมพันธ์กันจริง ก็ต้องถูกจัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง อาจจะอยู่ระหว่างกักตัว ก่อนออกเดินทางสู่รัฐฟลอริดา
สำหรับ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ดูเหมือนว่าจะกลับมาแข่งกันต่อฤดูกาล 2019-20 ราวๆ ปลายเดือนกรกฎาคม ยังรู้สึกอดคิดไม่ได้เลยว่า จะจัดได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะการระบาดของ โควิด-19 ก็รุนแรงมิใช่น้อย แต่หากพิจารณาตามโมเดลฟุตบอลยุโรป ใครติดเชื้อก็จับแยก อาจเป็นแนวทางที่ อดัม ซิลเวอร์ ประธานลีก จะนำมาปฏิบัติตามก็เป็นได้ เนื่องจากคำว่า “ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด” ค้ำคอ แน่นอนว่า พอไม่มีคนดู เงินส่วนนี้จึงน่าจะเป็นรายได้หลัก
สุดท้ายแล้ว NBA จะกลับมาเริ่มกันใหม่จนถึงการตัดสินแชมป์ราวๆ เดือนตุลาคมนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า หลังการแข่งขันจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่มันก็น่าขนหัวลุกอยู่ว่า ฟลอริดา ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ดิสนีย์ เวิล์ด เพิ่งทุบสถิติผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่ ไวรัสโคโรนา เริ่มระบาด แน่นอนว่าทุกๆ ทีมซึ่งอยู่ที่นั่น ต้องเข้มงวดกับผู้เล่นว่า อย่าอ้างความเป็น VIP เดินออกไปไหนต่อไหนเชียว เพราะ โควิด ติดได้ทุกคนทุกสถานะ
เทียบกับฟุตบอลลีกยุโรป ก่อนรีสตาร์ท มันก็มีข่าวคราวอยู่บ้างว่า พบผู้เล่นติดเชื้อจากทีมนู้นทีมนี้ พอเอาเข้าจริงๆ กลับไม่มีปัญหา ในฐานะแฟนกีฬาคนหนึ่งก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เพียงแต่สิ่งแวดล้อมอันน่ากลัว มันทำให้เกิดความรู้สึกว่า มันจะไปต่อได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ แต่ระดับนักกีฬาค่าตัวหลายล้าน การดูแลย่อมต้องเข้มงวด หากยังมีเชื้อเล็ดรอดมาติดได้ นั่นแหละคงจะเป็นความไม่ปลอดภัย และนำไปสู่โมฆะทั้งฤดูกาล
สิ่งที่น่ากลัวอีกประเด็น คือ เวลาอ่านข่าวซูเปอร์สตาร์ ประโยคที่หลายๆ คนพูดขณะยอมเผยตัวว่าป่วย คือ ผมรู้สึกสบายดี หรือไม่มีอาการใดๆ เลย หรือบางครั้งเวลารับการตรวจ อาจพบว่ายังไม่ติด แต่พอตรวจอีกครั้ง กลับติดเสียอย่างนั้น หากเปรียบกับคนที่ถูกกักตัว วันที่ 1-13 ผลตรวจเป็นลบ พอวันที่ 14 กำลังแพ็กกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน ก็ดันเจอเชื้อเสียอย่างนั้น มันเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย
ยิ่งกว่านั้น หากคุณพอผู้เล่นคนหนึ่งติดเชื้อหลังเกมแล้วล่ะก็ ทีมๆ นั้นก็ต้องถูกกักตัวรอตรวจเชื้อกันยกทีม แล้วมันจะแข่งต่อกันอย่างไร ผมเองก็ไม่ใช่คนคิดลบ แต่ความจริง สหรัฐอเมริกา ไม่ได้จริงจังอะไรกับการป้องกัน หรือหยุดยั้ง โควิด-19 แม้แต่นิดเดียว แล้วจะบอกได้อย่างไรว่า ทุกอย่างจะราบรื่น ทั้งๆ ภายนอก ดิสนีย์ เวิลด์ อาจมีอีกหลายคนที่ติดเชื้อ, รักษาตัว หรือเสียชีวิตไปแล้วไม่รู้เท่าไร ส่วนคนที่จริงจังกับโรคระบาด เห็นจะมีแค่ผู้ว่าการรัฐเท่านั้นเอง
ไม่ว่า NBA จะรีสตาร์ทได้หรือไม่ สิ่งที่เราเห็นได้ชัดกรณีการรับมือ โควิด-19 คือ ความเข้มวงดของผู้มีอำนาจ สหรัฐอเมริกา อย่าเรียกว่า การ์ดตกเลย ประมุขของเขาน่าจะไม่เคยตั้งการ์ดเลยมากกว่า หากย้อนมามองบ้านเรา คงไม่กล้าวิจารณ์อะไรมาก ดังที่เรียนแล้วว่า ต้องภาวนาให้มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศน้อยที่สุด หรือหากไม่มีเลยก็ยิ่งดี หากจะมีสิ่งใดน่าผิดหวังสุดๆ คือ คุณปล่อยให้ความอดทน , ความลำบาก และความพยายามของประชาชนต้องสูญเปล่า ทั้งที่คุณปล่อยคนรูปหล่อ กับหมอแสนสวย มาย้ำทุกวันว่า การ์ดอย่าตก