คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
“เฮ้ย! เมื่อไหร่จะทำวัคซีนเสร็จน้า..” คุณชูสง่าเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งหาวเรอจนน้ำหูน้ำตาไหล “มาเมื่อไหร่เฮียจะไปฉีดเป็นคนแรกเลย” “เร่งผลิตมากเกินไปก็อันตรายนะเฮีย” พี่หมอติง “อันตรายยังไงครับพี่หมอ” เจ้าเก่งซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยเกิดความสงสัย “เดี๋ยวพี่หมอหาข้อมูลของคุณโตมร ศุขปรีชา เกี่ยวกับเรื่องราวของวัคซีนในอดีตมาเล่าให้ฟัง....
เมื่อการเร่งผลิตวัคซีน Covid-19 อาจยิ่งทำให้มนุษยชาติ เดินอยู่บนความเสี่ยงครั้งใหญ่
เหตุผลที่วัคซีนต้องใช้เวลายาวนาน 12-18 เดือนนั้น เพราะต้องมีการทดลองทางคลินิกอย่างดีเสียก่อน เพราะอาจเสี่ยงที่จะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดีถ้าเร่งรัดหรือใช้เวลาน้อยเกินไป
อดีตสอนเราว่า...ในปี 1976 เดือนกุมภาพันธ์ เกิดเหตุทหารคนหนึ่งในค่ายทหารที่นิวเจอร์ซีย์ป่วยตายด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ตอนนั้นเกิดความกังวลอย่างยิ่งว่าโรคนี้จะระบาดต่อเนื่องไปกลายเป็นโรคระบาดใหญ่ ประธานาธิบดี เจอรัลด์ ฟอร์ด จึงสั่งให้เร่งรัดประกาศแผนให้ฉีดวัคซีนให้ทุกคนในประเทศ โดยใช้เงินถึง 136 ล้านดอลล่า โดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากนักวิทยาศาสตร์ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ถ้าไม่มีการทดลองทางคลินิกอย่างดีเสียก่อน ผลก็คือ วัคซีนที่ว่านี้ไปเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคที่ชื่อ Guillain Barre ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาทที่ทำให้ขยับร่างกายไม่ได้ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์ที่เรียกว่า The Cutter Incident เกิดขึ้นในปี 1955 ด้วยการฉีดไวรัสป้องกันโรคโปลิโอ แต่สุดท้ายกลับทำให้คนป่วยเป็นโปลิโอมากถึง 40,000 คน มี 260 คนที่ร่างกายเป็นอัมพาตและอีก 10 คนเสียชีวิต หรือใน ปี 1942 ก็เคยมีการฉีดวัคซีนไข้เหลือง แต่วัคซีนนี้ปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบบี ผลลัพธ์ก็คือ ในจำนวนทหาร 300,000 นาย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเสียชีวิต 150 คน
การ”ทดลอง”กับวัคซีนจึงเป็นเรื่องใหญ่มากและต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สาธารณสุข ฯลฯ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็บอกว่าเรา “รีบไม่ได้” ไม่อย่างนั้นอาจเกิดผลร้าย อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
ขณะนี้มีอยู่อย่างน้อย 43 ราย ที่กำลังพัฒนาวัคซีนสำหรับ Covid-19 และที่เริ่มทดลองกับมนุษย์แล้วคือ วัคซีนของบริษัทไบโอเทคจากอเมริกา ชื่อว่า Moderna เริ่มทดลองเมื่อ 15 มีนาคมที่ผ่านมา โดยใช้อาสาสมัครสุขภาพดี 45 คน พักอยู่ในซีแอดเทิล โดยเป็น vaccine ที่ผลิตโดยวิธีแบบใหม่ที่เรียกว่า DNA หรือ RNA Vaccine
ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ถ้าเราหาพันธุกรรมร่วมของไวรัสไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธ์ได้อย่างที่ มิลเกตส์ ให้ทุนวิจัยอยู่เอามาทำวัคซีน มันคือ วัคซีนที่เรียกว่า Universal Flu Vaccine หรือ วัคซีนที่รักษาไข้หวัดใหญ่ได้ครอบจักรวาลนั่นเอง