“บิ๊กอู๊ด” ภิญโญ นิโรจน์ ออกโรงจวก การกีฬาแห่งประเทศไทย ควรเร่งหามาตรการเร่งด้วนมาช่วยเหลือบุคคลกรทางการกีฬา ในประสบปัญหาเดือดร้อนในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด และรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม หากรอปฏิบัติตามขั้นตอน นักกีฬา-ผู้ฝึกสอน ในชนิดกีฬาต่าง ๆ อดตายแน่
“บิ๊กอู๊ด” ดร.ภิญโญ นิโรจน์ ส.ส.นครสวรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานกรรมมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. และยืดระยะเวลาออกไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. พร้อมทั้งการประกาศเคอร์ฟิว หรือ ห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานทั่วประเทศ ในช่วงเวลา 22.00 -04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ทำให้ส่งผลกระทบให้ประชาชนประสบปัญหาเรื่องปากท้องออกไปเป็นวงกว้าง รวมไปถึงวงการกีฬา ซึ่งบุคคลากรกีฬาต่าง ๆ ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ในฐานะที่ตนเคยทำหน้าที่เป็นประธานกรรมมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร และอยู่กับวงการกีฬามาตลอดชีวิต อดเป็นห่วงไม่ได้ จึงอยากจะเรียกร้องให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หันมาให้ความช่วยเหลือวงการกีฬาอย่างจริงจัง
ดร.ภิญโญ กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีข่าวออกมาตามสื่อให้เห็นบ้างเป็นครั้งคราวว่าภาครัฐจะยื่นมือมาช่วยวงการกีฬา แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เป็นรูปธรรมสักเท่าใด โดยเฉพาะการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลสมาคมกีฬาต่าง ๆ ต้องมีมาตรการเยียวยาบุคคลากรวงการกีฬาอย่างเร่งด่วน ไม่เพียงช่วยเหลือคนในวงการมวยเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายวงการที่กำลังจะอดตาย เช่น แคดดี้ตามสนามกอล์ฟทั่วประเทศ นักกีฬา-ผู้ฝึกสอน-ผู้ตัดสินกีฬาชนิดต่าง ๆ เช่น สนุกเกอร์, ฟุตบอล, ตะกร้อ, จักรยาน ฯลฯ ช่วงที่เขาต้องหยุดงาน บางคนไม่มีรายได้อย่างอื่นนอกจากรายได้จากวงการกีฬาทางเดียว ต้องถามว่า กกท. มีแผนเร่งด่วนหรือไม่ หากจะรอปฏิบัติตามขั้นตอน รอการประชุมบอร์ด กกท. แต่ละครั้งเพื่ออนุมัติงบประมาณ ตนเกรงว่าบุคคลากรวงการกีฬาเหล่านี้ จะอดตายเสียก่อน
อดีตประธาน กมธ.กีฬา กล่าวอีกว่า ในความเป็นจริง เงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มีอยู่จำนวนมาก หากการกีฬาแห่งประเทศไทย ทำแผนเร่งด่วนมาช่วยเหลือนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีความเดือดร้อนจริง ๆ แล้วนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ก็น่าจะจัดสรรงบมาช่วยเหลือเร่งด่วนได้ อาจจะเปิดให้มีการลงทะเบียนเหมือนประชาชนทั่วไปเพื่อขอรับการช่วยเหลือ โดยเฉพาะนักกีฬาและผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เวลามีการแข่งขันกีฬาใหญ่ ๆ พวกเขาเหล่านี้ไปสร้างชื่อเสียง สร้างความสุขให้กับประชาชนชาวไทยอย่างมากมาย แต่ยามที่พวกเขาเดือนร้อนก็ต้องเร่งช่วยเหลือให้อยู่รอด ขณะเดียวกันคณะกรรมธิการการกีฬา ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก็ต้องออกมาร่วมกันหาแนวทางช่วยเหลือคนกีฬาบ้าง ในสถานการณ์เช่นนี้ทุกฝ่ายควรต้องร่วมมือกันหาทางเยียวยาบุคคลากรกีฬาที่มีค่าของประเทศ ให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้