กลุ่มทุน ซาอุดีอาระเบีย ส่อแววถูกต่อต้านเทกโอเวอร์ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สโมสรระดับ พรีเมียร์ ลีก หลังเกิดเสียงร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน และกังวลเรื่องเจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อาจมีอิทธิพลต่อการทำธุรกิจของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
คาดกันว่า พรีเมียร์ ลีก จะยินยอมอนุมัติการซื้อ-ขาย “เดอะ แม็กพายส์” มูลค่า 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12,000 ล้านบาท) อย่างง่ายดาย หลังการสัมภาษณ์ “พีซีพี พาร์ทเนอร์ส” องค์กรของ อแมนดา สเตฟลัย์ นักธุรกิจหญิงชาวอังกฤษ ทว่า ล่าสุด ทำท่าจะว่าจะมีอุปสรรค ซึ่งกระทบต่อขั้นตอนการรับรอง
ความหนักใจของ พรีเมียร์ ลีก เกิดจาก “บีอิน สปอร์ตส” สถานีโทรทัศน์พันธมิตร ร้องเรียนว่า ถูกดูดสัญญาณถ่ายทอดสดไปออกอากาศแบบฟรีๆ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และ “สกาย” หุ้นส่วนใหญ่อีกราย เขียนเอกสารถึงรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อสนับสนุน “บีอิน สปอร์ตส”
“พับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ (PFI)” กลุ่มทุนซาอุฯ นำโดย บิน ซัลมาน จะถือหุ้น “สาลิกาดง” รวม 80 เปอร์เซ็นต์ และ “พีซีพี” ของ สเตฟลีย์ กับ “รอยเบน บราเธอร์ส” เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รับส่วนแบ่งฝั่งละ 10 เปอร์เซ็นต์
ประเด็นที่ พรีเมียร์ ลีก หวาดกลัวด้านบ่อนทำลายชื่อเสียง คือ ฮาทิซ เซงกิซ คู่หมั้นของผู้สื่อข่าว จามาล คาช็อกกี ซึ่งถูกสายลับ ซาอุฯ ฆาตกรรมในสถานทูตตุรกี แสดงความเห็น การเทกโอเวอร์อาจทำให้วงการลูกหนังอังกฤษแปดเปื้อน
ขณะเดียวกัน พรีเมียร์ ลีก ยังกังวลเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ กรณีเจ้าชาย อับดุลลาห์ บิน มูซาอัด สมาชิกราชวงศ์ ซาอุดีอาระเบีย นั่งเก้าอี้เจ้าของ เชฟฯ ยูไนเต็ด ตามข้อบังคับอันเข้มงวด ว่าด้วยเจ้าของหรือผู้บริหารสโมสร จะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าของหรือผู้บริหารอีกสโมสรหนึ่ง