วันที่ 14 เมษายน 2563 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด จัดการประชุมร่วมกับตัวแทนจากสโมสรฟุตบอลไทยลีก 1 และไทยลีก 2 เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก หลังเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 2019 หรือ Covid-19
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “การประชุมวันนี้เราได้จัดสถานที่เพื่อให้เราได้ประชุมกันบนแนวทางคำแนะนำของกระทรวงสาธารณะสุข social distancing”
“สำหรับประเด็นหลัก เรื่องแรกคือ เรื่องการกำหนดวันที่จะมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกขึ้น เรามีโจทย์ที่ต้องมาหารือร่วมกันว่าจำเป็นหรือไม่ว่าจะต้องจัดให้มีการจัดการแข่งขันให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ สำหรับฟุตบอลลีกฤดูกาล 2020 เนื่องจากจะมีผลกระทบจากจำนวนแมตช์การแข่งขันที่ถี่มาก เฉลี่ย 3 วันต่อแมตช์ ภายใต้เงื่อนไขคือกลับมาแข่งขันภายในเดือนสิงหาคม”
“ประเด็นนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ว่า ถ้าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ไม่เลวร้ายไปกว่านี้หรือมีทิศทางในทางที่ดีขึ้น ด้วยเหตุของความปลอดภัยตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขนั้น เราน่าจะกลับมาจัดการแข่งขันได้ในเดือนกันยายน 2563 และไปจบสิ้นในเดือนพฤษภาคม 2564 ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลถ้วยรายการอื่นๆ จะยังคงจัดการแข่งขันเหมือนเดิม โดยจะมีการปรับช่วงเวลาเปิดตลาดซื้อขายใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการกลับมาเริ่มแข่งขันในเดือนกันยายน ส่วนจะนับคะแนนรวมที่เรามีการแข่งขันทั้ง 4 แมตช์มาแล้วหรือไม่ สโมสรในไทยลีก 1 จะทำหนังสือแจ้งแนวทางที่แต่ละทีมต้องการมาให้สมาคมฯ ภายในวันที่ 22 เมษายนนี้ เพื่อพิจารณา นี่คือเรื่องที่ 1 ที่เราพิจารณากัน”
“เรื่องที่ 2 คือ แนวทางการปฏิบัติที่ฟีฟ่าที่แจ้งต่อสโมสรสมาชิกเพื่อป้องกันกรณีการเกิดข้อพิพาทในเรื่องของสัญญากับนักกีฬา ฟีฟ่าแนะนำให้สโมสรกลับไปเจรจาเรื่องค่าตอบแทนเพื่อให้สโมสรอยู่รอดในช่วงวิกฤต และสามารถรักษาสภาพคล่องทางการเงิน จนถึงเวลากลับมาแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง โดยประเด็นนี้ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าทุกสโมสรจะกลับไปเจรจาลดค่าตอบแทนบุคลากร ทั้งนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ในอัตรา 50% หรือครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งลีก
ทั้งนี้ ในส่วนของสมาคมฯ จะดำเนินการทำหนังสือแจ้งไปยังฟีฟ่าเกี่ยวกับมติในที่ประชุม รวมทั้งเหตุผลที่ต้องลดค่าตอบแทนด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นเหตุให้สโมสรทุกสโมสรมีความจำเป็นที่จะต้องเจรจาลดค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนบุคลากรทางกีฬาลงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ฟีฟ่าได้รับทราบ และวันข้างหน้าหากเกิดกรณีข้อพิพาทระหว่างสโมสรกับบุคลากรกีฬาเกิดขึ้น ก็หมายความว่าสโมสรได้พยายามที่จะเจรจาให้สอดคล้องกับนโยบายของฟีฟ่าแล้ว”
“เรื่องที่ 3 คือ จากผลกระทบจากไวรัสโควิด 2019 จึงเป็นที่มาของการปรับปรุงโครงสร้างการจัดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกเสียใหม่ที่เหมือนกับในลีกประเทศยุโรป คือ ในแข่งขันในฤดูกาล 2021 จะเปิดฤดูกาลในช่วงเดือนกันยายน และปิดฤดูกาลในช่วงเดือนพฤษภาคม ก็ถือว่าเราได้ใช้วิกฤตของการแพร่ระบาดโควิดปรับเปลี่ยนปฏิทินการแข่งขันใหม่ทำให้การแข่งขันฟุตบอลลีกของไทยนั้นไม่ไปทับกับฤดูฝน ซึ่งในการแข่งขันที่ผ่านมาในช่วงฤดูฝนนั้นส่งผลกระทบกับฟุตบอลมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลที่จะเข้าไปชมในสนาม การเดินทาง สภาพสนาม ตลอดจนอาการบาดเจ็บของนักกีฬาที่แข่งกันในฤดูฝน อันเกิดจากสภาพสนามที่ไม่ดี ภูมิอากาศในช่วงนั้นที่แฟนบอลก็ไม่เข้าสนาม เป็นเหตุให้จำนวนผู้เข้าชมน้อยลง รวมถึงการเปิดตลาดซื้อขายนักเตะจะตรงกับลีกชั้นนำของโลกด้วย”
“ถ้าเราไปแข่งในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่ทุกอย่างน่าจะเอื้อประโยชน์ต่อการเข้าชมของแฟนบอลและการเดินทาง ความปลอดภัยต่างๆ ตรงนี้ก็คือสิ่งที่เราคุยกันในวันนี้เป็นประเด็นหลักๆ ในส่วนของเงินสนับสนุนจากทรูวิชั่นส์ ที่จะต้องจ่ายเดือนกรกฎาคม ตอนนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้เนื่องจากยังไม่ได้กลับมาแข่งขัน วันนี้เราได้มีการพูดคุยกันทางด้านท่านรัฐมนตรีก็ได้ส่งนายสิรภพ ดวงสอดศรี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้ามารับฟังปัญหาของพวกเราด้วยในวันนี้ มารับฟังความเดือดร้อนของทีมสโมสรในไทยลีก เกี่ยวกับเรื่องสภาพทางการเงิน ท่านก็รับฟังปัญหาและท่านเองจะไปดำเนินการหาช่องทางเยียวยา โดยการร้องขอเงินสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือแนวทางการนำเงินจากกองทุนกีฬาอาชีพ เพื่อแก้ปัญหาและเยียวยาให้แก่สโมสร เพราะท่านทราบดีว่าทุกสโมสรมีปัญหาเรื่องการเงิน
ในส่วนของเรื่องผู้สนับสนุนนั้น ทั้งสมาคมเองและสโมสรคงได้รับผลกระทบกันทั้งหมด ซึ่งคงต้องมีการเจรจากันเพื่อเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้วงการฟุตบอลไทยเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สโมสรสมาชิกได้แสดงความคิดเห็นกว้างขวางและทำให้เกิดประโยชน์แก่วงการกีฬาฟุตบอลไทย ทำให้เห็นว่าเราพยายามเมื่อเราอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก หรือได้รับผลกระทบด้วยกัน ทุกทีมก็หันหน้าเข้าหากัน คุยกันด้วยเหตุและผล ไม่มีใครที่จะมีความคิดเห็นที่แตกแยกออกไป ทุกสโมสรมีมติไปในทิศทางเดียวกัน นี่คือสิ่งที่เราได้ประชุมหารือกันในวันนี้”