ชีวิต หรือ เงิน ไทยลีก จะเลือกอะไร?/แมวดำ

คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ

ปัญหาการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก ล่าสุด 910,323 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 45,496 ราย ส่วนประเทศไทย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,875 ราย เสียชีวิตรวม 15 ราย (ตัวเลขวันที่ 2 เมษายน 2563) ถือว่าน่ากลัว และคงไม่มีใครอยากจะให้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการกักตัวเองไม่เข้าร่วมกลุ่ม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ

แต่ปัญหาที่ตามมาเมื่อเรากักตัวอยู่บ้านกันคือการไม่มีกิน ไม่มีใช้ เนื่องจากไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ โลกกีฬาก็เจอปัญหาเดียวกัน ยกตัวอย่างการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ที่ฟาดแข้งไปแค่ 4 นัด ก็ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเมื่อเลื่อนมันก็ส่งผลกระทบมาถึงรายได้ เริ่มจากสโมสรไม่สามารถขายของที่ระลึกได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเหมือนช่วงที่มีการแข่งขัน

จากนั้นก็ลากมาถึงปัญหาการถ่ายทอดสด ที่ส่งผลให้รายได้ตรงนี้ขาดหายไปจำนวนมหาศาล ไม่มีเงินเข้าสู่ไทยลีก และสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทำให้มีการแก้ปัญหาด้วยการลดเงินเดือนพนักงาน และโค้ชที่ทำงานในสมาคม 50 % เพื่อให้สมาคม ยังมีเงินสำหรับใช้จ่ายในกิจการต่างๆ ไปก่อน

มาถึงตรงนี้เมื่อมีคำสั่งห้ามการชุมนุน การแข่งขันก็ทำไม่ได้ แล้วผู้สนับสนุนทั้งสมาคมฟุตบอลฯ และสโมสรต่างๆ ตั้งแต่ระดับ ไทยลีก 1-4 ต่างก็รับผลกระทบกันไปหมด จึงเริ่มแนวความคิดจากผู้บริหารทีม และผู้เล่น หลายๆ ทีมว่าจะลดค่าเหนื่อยของตัวเอง เพื่อให้สโมสรได้อยู่รอด

ทว่าการที่แต่ละสโมสรไม่มีเงินเข้าสู่คลัง จะทำให้ผู้บริหารมีเงินจ่ายเข้าบัญชีนักฟุตบอลได้อีกนานแค่ไหน? ซึ่งเรื่องนี้สมาคมฟุตบอลฯ และไทยลีก เองก็พยายามหาหนทางให้ไทยลีกกลับมาแข่งขันกันได้อีกครั้งโดยเร็วที่สุด ให้จบแบบเร็วที่สุด จนมีความพยายามหาทางออกว่าถ้าเช่นนั้นเรามาแข่งกันแค่เลกเดียวพอ แล้วก็แข่งสนามกลาง แบบไม่ต้องมีคนดู ให้ชมผ่านการถ่ายทอดสดอย่างเดียว

ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่เราน่าจะมีในตอนนี้ แต่ถามว่าแล้วนักฟุตบอลแต่ละทีมลำพังแค่ 11 คนแรก 2 ทีม ก็ล่อไป 22 คน ไม่รวมตัวสำรอง และทีมงานสตาฟฟ์ข้างสนาม บวกกับทีมงานผู้ตัดสิน ทีม VAR ทีมถ่ายทอดสด ฯลฯ รวมๆ แล้วนัดนึงมี 16 สโมสร มาแข่งขัน รวมแล้ว 8 คู่ ต้องมีคนมารวมกันไม่ต่ำกว่า 400-500 คนแน่ๆ จากจำนวนคนขนาดนี้คิดว่าจะปลอดภัยไหมหละครับ แล้วฟุตบอลนี่กีฬาที่ต้องปะทะ ต้องประกบติด แล้วมันก็ขัดกับหลักการ SOCIAL DISTANCING ระยะห่างทางสังคม ที่ต้องยืนห่างกัน 1.5-2 เมตร ตามที่คุณหมอทั้งหลายแนะนำ ซึ่งหากมีการติดเชื้อไวรัสกันขึ้นมานี่งานงอกเลย

แต่จะไม่แข่งขันเลย มันก็ไม่มีเงินเข้าสู่ระบบ แล้วสโมสรฟุตบอลนี่จ่ายเงินกันทั้งนั้น พอไม่มีเงินจ่ายนานๆไปคงได้ยุบทีมกันหละครับ เชื่อว่าตอนนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลฯ และประธาน บริษัท ไทยลีก คงปวดหัวน่าดูชมหละ ว่าตกลงจะเอายังไงดี ..