แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ยอมรับว่า ความพ่ายแพ้ครั้งแรกใน วัน แชมเปียนชิพ หลังถูกนักชกสาวคู่ปรับเก่าอย่าง “เจเน็ต ท็อดด์” กระชากเข็มขัดแชมป์โลกไปต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกเหมือนคนอกหัก ที่เห็นของรักกลายเป็นของคนอื่น ลงจากเวทีน้ำตาร่วง กลั้นไม่อยู่
แม้ตลอดชีวิตนักมวยสาวจากระยองในวัย 22 ปี จะผ่านความพ่ายแพ้บนสังเวียนมาหลายครั้ง แต่กับครั้งล่าสุดที่ต้องสูญเสียเข็มขัดแชมป์โลกเส้นแรกที่เธอได้รับจากเวทีระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ อย่าง เข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต ไปต่อหน้าต่อมา ในศึก ONE: KING OF THE JUNGLE เมื่อวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม นับเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ที่ยากจะทำใจ
“ความรู้สึกมันเหมือนอกหักค่ะ คือเราเสียใจ พอย้อนกลับไปคิดก็ยังเสียใจอยู่ว่าทำไมวันนั้นไม่เป็นวันของเรา แม้ก่อนหน้านี้สมัยที่ชกมวยตามภูธร แสตมป์ จะเคยแพ้มาบ้าง แต่มันคนละความรู้สึกกับครั้งนี้ที่เราเสียใจเพราะเสียเข็มขัดแชมป์โลก และยังทำให้ทางค่ายผิดหวัง ทำให้พ่อแม่ผิดหวังด้วย”
บางฉากบางตอนของคืนวันนั้น แฟนๆ อาจไม่ได้เห็นในการถ่ายทอดสดที่ แสตมป์ กลั้นน้ำตาเดินลงจากเวที แต่เมื่อพ้นจากแสงไฟเธอตรงไปที่ผู้จัดการค่ายที่เธอเรียกว่า “นาย” อย่าง “เปรม บุษราบวรวงษ์” และถึงกับปล่อยโฮออกมา
“แสตมป์ เดินลงจากเวทีมา ก็เดินไปหานายแล้วร้องไห้เลยค่ะ ตอนนั้นรู้สึกสะเทือนใจ น้ำตามันไหลออกมา มันรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง มีแค่คนสองคนที่ แสตมป์ แคร์ก็คือนายกับเสี่ย (นายบรรจง บุษราบวรวงษ์ เจ้าของค่ายแฟร์เท็กซ์) เพราะเขาสนับสนุนและดูแลเรามาอย่างดี เราไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง พอเขาบอกว่าไม่เป็นไร ไม่โกรธ ทำดีแล้ว แสตมป์ ก็เหมือนได้คนปลอบ”
ความพ่ายแพ้คือ “บทเรียนชีวิต” นักกีฬาทุกคนย่อมเคยผ่านจุดนี้กันทั้งนั้น และมันมีสองทางเลือกสำหรับพวกเขาคือ การเดินหน้าต่อ หรือจะปล่อยให้ความท้อกัดกินหัวใจและทำลายอนาคต
สำหรับ แสตมป์ เธอเลือกทางเดินแรก เธอลงจากเวทีพร้อมมายด์เซ็ตใหม่ โดยให้ปฏิญาณกับตัวเองว่า เธอจะต้องจริงจังมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาอีกเท่าตัว
“แสตมป์ บอกตัวเองว่า เราต้องจริงจังมากขึ้น เอาให้ผิดหูผิดตาไปเลย จะไม่เอาแค่สูสี แต่มันต้องดี ให้มันขาดลอยไปเลยค่ะ”