xs
xsm
sm
md
lg

"ฟอนตาเนียล" สุดมั่น กำปั้นไทยคว้าตั๋วโอลิมปิก 4-5 ใบ ตามเป้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ฮวน ฟอนตาเนียล” มั่นใจหมัดไทยทำได้ตามเป้าคว้าโควตาไปโตเกียวเกมส์ 4-5 รุ่น ตามที่วางไว้ ทุกอย่างอยู่ที่การประกบคู่มวยว่าเทพีแห่งโชคจะเข้าข้างหรือเปล่า หากไม่เจอแข็งตั้งแต่แรกฉลุยแน่นอน ยอมรับรุ่น 52 กก.ชายไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเพราะเป็นรุ่นพิมพ์นิยมมีแต่นักชกที่เก่งๆ ทั้ง คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน อินเดีย ฟิลิปปินส์ โดยที่ “เจ้าเหลิม” ฐิติสรรค์ ปั้นโหมด ก็นับว่าเก่งไม่แพ้กัน อยุ่ที่การชิงไหวชิงพริบ ขณะที่ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี กับ วุฒิชัย มาสุข ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ น่าจะไม่พลาด ขณะที่หญิง สุดาพร สีสอนดี กับ นิลาวัลย์ เตชะสืบ ได้ลุ้นเพราะมีการพัฒนาไปมาก

ความเคลื่อนไหวทีมกำปั้นเสื้อกล้ามชาย-หญิงไทย ที่เดินทางมาร่วมการแข่งขันมวยสากลคัดเลือกโอลิมปิก 2020 โซเอเชีย/โอเชียเนีย ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน โดยสมาคมมวยส่งหมัดไทยลงล่าโควตาเต็มอัตรา 11 คน แบ่งเป็น นักชกชาย 6 คน เริ่มจากรุ่น 52 กก. นายฐิติสรรค์ ปั้นโหมด ,รุ่น57 กก. จ.ส.ท.ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี,รุ่น63 กก.นายอธิชัย เพิ่มทรัพย์,รุ่น69กก. ร.ท.วุฒิชัย มาสุข, รุ่น 75 กก.นายวีระพล จงจอหอ,รุ่น 81 กก. นายจักรพงษ์ ยมโครต และหญิง 5 คน รุ่น 51 กก. นางสาวจุฑามาส จิตรพงษ์,รุ่น57 กก.อสทพ.หญิง นิลาวัลย์ เตชะสืบ,รุ่น 60 กก. อสทพ.หญิง สุดาพร สีสอนดี,รุ่น 69 กก. นางสาวใบสน มณีก้อน,รุ่น 75 กก. นางสาวพรนิภา ชูตรี ซึ่งทีมไทยเดินทางมาถึงตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาสภาพอากาศเริ่มหนาวเย็นอยู่ที่ 13 องศา แถมมีฝนตกลงมาอยู่ตลอด โดยการซ้อมในช่วงเช้าทางกลุ่มสต๊าฟโค้ชนำโดย “ฮวน ฟอนตาเนียน” เฮดโค้ชชาวคิวบา จัดให้ซ้อมที่ห้องยิมภายในโรงแรมที่พัก เริ่มต้นด้วยการวอร์มร่างกาย ชกลมเพื่อทบทวนเชิง วิ่งสายพาน ต่อยเป้าเพื่อเน้นในเรื่องเทคนิค ใช้เวลาประมาณกว่า 1 ชม.จากนั้นให้ทุกคนลองทดสอบน้ำหนัก ปรากฎว่าทุกคนทำได้ตามพิกัดที่วางไว้ทุกคน

หลังการซ้อม “ฮวน ฟอนตาเนียล” เปิดเผยว่า การคัดเลกแรกนั้นไม่ง่ายไม่ยากจนเกินไปสำหรับทีมไทยทั้งชายหญิง เพราะจำนวนโควตานั้นถือว่าเอื้ออำนวยและเปิดกว้างกับทีมไทยอย่างมาก ที่สำคัญเราซ้อมมาดีตามโปรแกรมที่วางไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง แม้จะเลื่อนจากกำหนดเดิมในเดือน ก.พ. แต่เราก็ได้มีการเทรนนิ่มแคมป์กับนักมวยมีระดับที่เคยได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์รวมถึงเวทีระดับโลกมาแล้วหลายคน ทำให้เรารู้ว่าศักยภาพของนักชกไทยมีมากน้อยหรือมีหวังแค่ไหน

จากการประเมินในเบื้องต้นต้องยอมรับว่าในจำนวนที่ไทยส่งมานั้นรุ่น 52 กก.ชายถือว่าหนักที่สุดเพราะมีนักชกที่เก่งเยอะมากเรียกได้ว่าเป็นพิมพ์นิยม เพราะเป็นการรวมกันระหว่างรุ่น 49 ,51 และ 54 กก. แต่ละคนมีความรวดเร็วและชกได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าคาซัคสถาน อุซเบกิสถาน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และไทย สำหรับ “เจ้าเหลิม” ฐิติสรรค์ ปั้นโหมด ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่เก่งด้วย หนนี้ถือเป็นการชิงไหวชิงพริบของแต่ละคนที่สำคัญต้องดูผลการประกบคู่หากไม่เจอสายแข็งโป๊กตั้งแต่รอบแรกก็เชื่อว่ามีโอกาสผ่าน อีกรุ่นถือว่าหนักรองลงมา รุ่น 63 กก.ถือว่าไม่ใหญ่ไม่เล็ก ทุกคนมีหมัดที่หนัก เท่าที่ดูคาซัคสถาน อุซเบกิสถาน อินเดีย ออสเตรเลีย หรือ จอร์แดน ถือว่าใช่ได้ทีเดียว สำหรับ อธิชัย เพิ่มทรัพย์ ถือเป็นนักชกอัจฉริยะคนหนึ่ง เพียงแต่ประสบการณ์ยังน้อยไปนิด ถ้าในสายไม่แข็งมากก็มีโอกาส ขณะที่ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี กับ วุฒิชัย มาสุข 2 คนนี้ถือว่าผ่านเวทีระดับโลกมามากมายน่าจะมีโอกาสที่สุด ซึ่งในการประกบคู่จะเจอกับใครก็ได้มั่นใจน่าจะไม่พลาด

สำหรับมวยหญิงนั้น สุดาพร สีสอนดี กับ นิลาวัลย์ เตชะสืบ น่าจะมีโอกาสที่สุดเพราะทั้งคู่ผ่านกระดูกมวยมาอย่างโชกโชน ประสบการณ์สูงและมีผลงานอย่างชัดเจนในหลายทัวร์นาเมนต์ อย่างไรก็ตามทุกคนทั้งชายหญิงต้องไปลุ้นที่การประกบคู่ว่าเทพีแห่งโชคจะเข้าข้างเรามากน้อยแค่ไหน สำหรับเป้าหมายที่วางไว้ 4-5 คนนั้นตนเชื่อว่าไม่มากหรือน้อยจนเกินไป จากประสบการณ์และการพัฒนาของนักชกไทยน่าจะทำได้ตามเป้าที่วางไว้


กำลังโหลดความคิดเห็น