หลังสิ้นสุดทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ขุนพล "ช้างศึก" ภายใต้การคุมทัพของ อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ถือว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แม้ไม่สามารถคว้าตั๋วไปเล่นโอลิมปิก 2020 แต่อย่างน้อยก็ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เวทีนี้ได้แจ้งเกิดนักเตะหน้าใหม่ให้เป็นที่รู้จักแก่สายตาแฟนบอลอย่างมากมาย และที่ถูกพูดถึงมากที่สุด หนีไม่พ้นแฝดคู่ใหม่ของทัพ "ช้างศึก" อย่าง "ปาแปง-โชแปง" ทิตาวีร์-ทิตาธร อักษรศรี
ทั้งคู่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่่ยม ได้รับคำชื่นชมอย่างมากมาย ในส่วนของ "โชแปง" ทิตาธร แบ็คซ้ายที่เคยถูกมองว่าเป็น "บ่อน้ำมัน" ในศึกซีเกมส์ 2019 ที่ "ช้างศึก" กระเด็นตกรอบแรก แต่เขาพลิกฟอร์มของตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ ระเบิดพลังโชว์เพลงแข้งอันร้อนแรงในตำแหน่งแบ็คซ้ายในศึก U23 ชิงแชมป์เอเชีย
ขณะที่ "ปาแปง" ทิตาวีร์ แม้ไม่ถูกเรียกไปติดทีมชุดซีเกมส์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ แต่เจ้าตัวถูกเรียกมาติดทีมชาติครั้งแรกใน U23 ชิงแชมป์เอเชีย และลงเล่นเป็น 11 คนแรกในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ซึ่งโชว์ฟอร์มได้ดีเกิดความคาดหมาย จนเวลานี้ทั้งคู่ถูกเชียร์ให้ไปติดทีมชาติชุดใหญ่เลยทีเดียว วันนี้เราจะมาพูดคุยเปิดใจกับ "คู่แฝด" ครอบครัว "อักษรศรี"
- ที่มาของชื่อเล่น "โชแปง-ปาแปง"
ทิตาวีร์ : ของผมนี่คุณพ่อเป็นคนตั้งให้ เพราะว่าชื่อ ปาแปง จะเป็นชื่อของอดีตนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส ญอง ปิแอร์ ปาแปง เขาเลยเอามาตั้งเป็นชื่อปาแปง ครับ
ทิตาธร : ของผมนี่เห็นบอกว่า โชแปง เป็นชื่อนักเปียโนของประเทศฝรั่งเศสเหมือนกัน แต่ที่แม่เคยเล่าก็คือพยาบาลมาช่วยตั้งพอบอกชื่อพี่เขาว่าปาแปง เขาก็เลยหาชื่อใกล้ๆกันมาเป็นโชแปงพอดี
- ไอดอลในวงการฟุตบอลไทย
ทิตาธร : ตอนนี้ก็คงเป็นพี่อุ้ม ธีราทร บุญมาทัน แต่คือจริงๆตอนแรกผมชอบพี่บาส พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ก็จะคล้ายๆกับ ปาแปง ที่แบบว่าพอได้ขึ้นมาเล่นเทโร เห็นพี่เขาเล่นในตำแหน่งเดียวกัน เราก็ศึกษาการเล่นของพี่เขามาตลอด แต่พอโตขึ้นมาเรื่อยๆ เริ่มเปิดโลกกว้างมากขึ้น ก็เลยไปรู้จักพี่อุ้ม ตั้งแต่อยู่บุรีรัมย์ มาเมืองทอง จนไปเล่นต่างประเทศ คือเราก็ดูเขาเล่นเยอะมาก เราก็อยากจะเอาเขามาศึกษา อยากเอาแกเป็นไอดอลเป็นเป้าหมายที่ต้องตามไปให้ถึง
ทิตาวีร์ : ของผมคือพี่ต้น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ก็คือตั้งแต่เขาเคยอยู่เทโร เราก็เข้ามาร่วมซ้อมกับทีมใหม่ๆ คือตอนนั้นกรุงเทพคริสเตียน เป็นพันธมิตรกับเทโร เราก็จะได้มาซ้อมกับชุดใหญ่เทโร เราก็ดูเขาเป็นแบบอย่างมาตลอด เราก็ดูการซ้อมของเขาตลอด ตั้งเป้าอยากเป็นแบบพี่เขา
- จุดเริ่มต้นการเล่นกีฬาฟุตบอล
ทิตาวีร์ : เราน่าจะเริ่มเล่นฟุตบอลพร้อมๆกันตั้งแต่เด็ก คือตอนนั้นต้องไปรอพี่ชายอีกคน ซึ่งเขาก็เล่นฟุตบอลเหมือนกัน เขาเข้าประถม ผมยังอยู่อนุบาล ต้องรอเขาซ้อมบอลหลังเลิกเรียน ก็เลยได้ติดสอยห้อยตามไปเล่นฟุตบอลกับเขาข้างสนาม เราก็เลยชอบฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆเลย พอเริ่มเข้าประถมปุ๊บก็เลยได้ฝึกซ้อมกับที่โรงเรียนเลย
- ตอนบอลนักเรียน โดนเด็กโควต้าแย่งตำแหน่ง จนเกือบท้อ
ทิตาธร : เราเข้าไปเรียนที่กรุงเทพคริสเตียนตั้งแต่ประถมเลย เป็นเด็กบ้าน คือจริงๆตอนประถมเราก็ได้เล่นเป็นตัวหลักมาตลอดนะ แต่พอขึ้นระดับมัธยมเหมือนโรงเรียนจะเปิดรับโครงการเด็กทุนมาจากต่างจังหวัด ช่วงนั้นก็คือจะเริ่มไม่ค่อยได้ลง เป็นตัวสำรอง บางทีมันก็ท้อนะ มันรู้สึกเซ็งๆ แต่ก็คือกลับมาปรับที่ตัวเราเอง คือเหมือนถ้าเราไม่ได้เล่นตรงนี้ เราก็ออกไปหาอะคาเดมีข้างนอกก็ได้ เราก็ไปพัฒนาตัวเองที่นั่น มันไม่ได้หมายความว่าพอเราไม่ได้เล่นบอลโรงเรียนแล้วเราจะไม่ได้เตะฟุตบอลอีกเลย เราก็สามารถไปเอาดีในเส้นทางฟุตบอลอาชีพจากทีมอื่นๆก็ได้
- ซ้อมกับอะคาเดมี "อินเตอร์ ไทยแลนด์" ของ อ.สมบัติ ลีกำเนิดไทย
ทิตาวีร์ : คือ อ.สมบัติ เขาจะซ้อมค่อนข้างแตกต่างกับที่โรงเรียนเยอะ คือเขาจะดูเป็นรายคนเลย เริ่มติวตั้งแต่เบสิกพื้นฐาน เริ่มตั้งแต่การเดาะบอลเลย คือแบบคุณจะโตแค่ไหนก็ตามคุณต้องมาเดาะบอลก่อน แล้วก็ฝึกเตะเท้าซ้ายเท้าขวาสลับกัน เหมือนเน้นเบสิกพื้นฐานของเราให้แน่นก่อน แล้วก็จะมีจัดแข่งระหว่างอะคาเดมี เหมือนเพิ่มประสบการณ์ให้อะคาเดมี และให้เราด้วย
- "ทิตาธร" ถูกวิจารณ์หนักในซีเกมส์ รู้สึกอย่างไร
ทิตาธร : พอแบบเห็นทีแรกตั้งแต่แมตช์แรกเลยเราก็โดนคอมเมนต์หนัก ตอนแรกก็รู้สึกแย่นะ เสียใจเลย คือบางทีมันไม่ใช่แค่คอมเมนต์ แต่แบบด่าเรามาเลย เราก็รู้สึกไม่ดี เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยมาถามปาแปงว่าแบบ ผมเล่นเป็นยังไง เป็นแบบที่คนเขาพูดกันจริงๆหรอ ผมเล่นแย่ขนาดนั้นเลยหรอ มาปรึกษากัน ให้กำลังใจ คือผมอ่านหมดเลยนะ แต่ก็ไม่ได้เอามาใส่ใจอะไรมากมาย ในสายตาเขาว่าไม่ดีมันก็คือไม่ดี เราคงไปว่าอะไรเขาไม่ได้ เราไปอธิบายให้เขาไม่ได้ เราก็แค่กลับมาแก้ที่ตัวเราดีกว่า ผมก็คิดว่าหลังจากนั้นเราจะกลับมาทำให้ดีขึ้น ให้เขาเห็นเองจะดีกว่า
ทิตาวีร์ : น้องโทรมาคุยมาปรึกษาตลอดตอนซีเกมส์ ผมก็จะคอยบอกกับเขาว่าคืออ่านไปก็รับรู้แหละว่าเราอาจจะมีข้อผิดพลาดจริงๆ เขาถึงได้มาบอกเรา ผมก็พยายามปลอบใจเขาว่าจริงๆแล้วเขามีศักยภาพมากกว่านี้ อาจเป็นเพราะหลายปัจจัย เช่น สนาม อาจจะไม่ชินกับหญ้าเทียม และก็ยังไม่เข้าขากับเพื่อนร่วมทีมรอบๆข้าง เพราะเข้าไปกันใหม่หมดเลย ผมก็บอกกับน้องว่าทำให้เต็มที่เหมือนเดิม ถ้าเราตั้งใจแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราก็ทำอะไรไม่ได้กับผลที่ตาม แต่เมื่อลงไปสนามก็ต้องตั้งใจเล่นเหมือนเดิม ทำให้เหมือนเดิม วันนึงถ้าอะไรมันดี มันก็จะดีไปหมด
- ศึก U-23 เอเชีย ทำไม "ทิตาธร" พลิกฟอร์มจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ทิตาธร : จริงๆผมก็ไม่รู้เหมือนนะ ผมก็ลงไปเล่นแบบเดิมๆเลยครับ ทุกแมตช์ผมตั้งใจเล่นอยู่แล้ว แค่ลงไปเล่นให้เต็มที่ก็พอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพี่ชายด้วยก็ได้ คอยให้กำลังใจ คอยแนะนำตลอด คือใน U23 เราจะอยู่ด้วยกันตลอด เพราะติดทีมมาพร้อมกัน เวลาพักครึ่งก็จะเดินมาคุยกันตลอด คือเราเป็นพี่น้องกันมันไม่มีอะไรต้องมาโกหกกันอยู่แล้ว แบบไม่ดีตรงนี้ก็คือไม่ดี ต้องแก้นะ มันก็อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้ผมเล่นได้ดีขึ้น
- "ทิตาวีร์" โชว์ฟอร์มเจ๋ง ไม่มีตื่นสนาม แม้ติดทีม U23 ครั้งแรก
ทิตาวีร์ : ผมก็ไม่ได้ตื่นเต้นนะเวลาลงไปเล่นจริงๆ เวลาลงไปอยู่ในสนามใจมันก็คิดแต่ว่าอยากจะทำให้ดี ตั้งใจจะทำให้ได้ เราได้โอกาสมาแล้ว เราก็ไม่กดดันตัวเอง ผมและน้องก็คอยกระตุ้นกันเวลาอยู่ในสนาม คอยส่งเสียงช่วยกันตลอดให้มีสมาธิอยู่กับเกม ก็อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราทั้งคู่ทำผลงานได้ดีครับ
- เป้าหมายต่อไปหลังจากนี้
ทิตาธร : พอเลยชุด U23 ก็เหลือชุดใหญ่อย่างเดียวแล้ว แน่นอนว่าเราต้องมองไปถึงการติดทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งเป้าหมายจริงๆ เราอยากจะติดทีมคู่กันอีก และลงไปเล่นคู่กันอีกถ้ามีโอกาส แต่ถ้าไม่ได้ ก็ขอใครสักคนก็ได้ที่ติดไป ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถ้าใครสักคนมีชื่อไปติดมันก็น่าภูมิใจแทนกันแล้วครับ ตอนเด็กๆ ก็ได้ยินชื่อแฝดสุรีย์-สุรัตน์ มาตลอด เราก็เคยดู และรู้ว่าเป็นแฝดเหมือนกับเราเลย ก็อยากจะเป็นแบบพี่ๆเขาบ้างครับ
- ความฝันในการไปค้าแข้งต่างประเทศ
ทิตาธร : ผมอยากจะไปเล่นต่างประเทศ จะที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่แบบแค่ไปเทสต์หรือไปฝึกซ้อม แต่อยากจะไปใช้ชีวิต ไปค้าแข้งจริงๆที่นั่นเลย เพราะว่าเราก็อยากจะไปหาประสบการณ์เพิ่ม เราอยากจะลองไปใช้ชีวิตการเล่นฟุตบอลที่ต่างประเทศว่ามันเป็นยังไง แบบบางคนต้องไปใช้ชีวิตลำพังคนเดียวต่างประเทศ ก็อยากจะไปลองดูบ้าง
ทิตาวีร์ : เหมือนกันเลยครับ ต่างประเทศเราก็อยากไปเล่นอยู่แล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งความฝันเลย อยากไปเล่นจริงๆถ้ามีโอกาสตรงนั้น เราก็อยากจะไปแล้วทำให้ดีที่สุดครับ