จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญกราดยิงที่เมืองโคราช จ.นครราชสีมา ส่งผลกระทบหลายสิ่งหลายอย่างต่อกองทัพบก ที่ถูกเสียงวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักในหลายกรณี ทั้งจุดเริ่มต้นของผู้ก่อเหตุที่เริ่มมาจากการถูกเอารัดเอาเปรียบโดยนายทหารชั้นผู้ใหญ่, เรื่องการเข้าไปชิงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดูจะง่ายจนเกินไป รวมไปถึงผลประโยชน์ต่างๆ ภายในกองทัพบก
เรื่องของกีฬาก็เข้าไปเอี่ยวด้วย เมื่อล่าสุด "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศแก้ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทัพซ้อน และเงินนอกงบประมาณของกองทัพบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการจัดการบริหารสนามกอล์ฟ และสนามมวย
"มีการลงนามกับกระทรวงการคลังในเรื่องทรัพย์สินราชพัสดุกับกระทรวงการคลัง ในส่วนของขั้นตอนจะนำเรื่องที่เป็นสวัสดิการดั้งเดิมของกองทัพบก เช่น สนามกอล์ฟ โรงแรม และสนามมวย ไปหารือกับกระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้ได้ข้อยุติแล้วว่าจะเริ่มดำเนินการที่ใดบ้าง เพราะต้องเริ่มเป็นเฟสหรือระยะ" บิ๊กแดง เผย
ซึ่งก็แปลโดยสรุปได้ว่าจากนี้ไปกิจการสนามกอล์ฟ-สนามมวย ของกองทัพบก จะถูกทำ MOU กับกระทรวงการคลัง รายได้จากตรงนี้จะนำไปเข้าระบบงบประมาณแผ่นดิน เช่นเดียวกับอาคารรับรองสวัสดิการ โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ และอื่นๆ
แน่นอนทำให้นึกย้อนไปฤดูกาล 2019 ในวงการลูกหนังไทย เรื่องที่ไม่ค่อยมีใครขุดคุ้ยต่อและไม่ค่อยเปิดเผยทั้งที่ระแคะระคายว่าภายในทีม อาร์มี่ ยูไนเต็ด นั้นมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะ กองทัพบก นำโดย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ออกมาประกาศพักทีมแบบไม่มีกำหนด ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ปิดฉากตำนาน 103 ปี ที่สโมสรฟุตบอลแห่งนี้ยืนหยัดอยู่เคียงข้างวงการฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนาน
เหตุผลในเวลานั้น "บิ๊กแดง" เผยว่า เป็นเพราะผลงานในช่วงหลังไม่ดี ควานหาความสำเร็จแทบไม่เจอ ไม่กล้าบากหน้าไปขอเงินสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนปีละหลักร้อยล้านบาท และที่สำคัญ "ทหาร" ไม่มีความสามารถมากพอที่จะบริหารจัดการทีมฟุตบอลให้เป็นมืออาชีพจริงๆ
การที่ทีมฟุตบอลยังมีอยู่ แต่ละปีต้องผลาญงบประมาณตกปีละ 40-50 ล้านบาท อันนี้นับแค่ค่าเหนื่อยของนักฟุตบอลไทย และนักฟุตบอลต่างชาติ ยังไม่รวมค่าจิปาถะต่างๆอีกมากมาย ตกแล้วปีๆนึงต้องเสียเงินไปเกือบ 100 ล้านบาท โดยที่แทบไม่ได้อะไรตอบกลับมาเท่าที่ควร
เมื่อไปเปิดข้อมูลเบื้องลึกดูแล้ว ในช่วงปี 2560-2561 สโมสรอาร์มี ยูไนเต็ด ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ปี 2561 มีรายได้รวม 98 กว่าล้านบาท แต่เมื่อรวมรายจ่ายแล้วโดนผลาญเงินไปเกือบ 112 ล้านบาท ขาดทุนไปราว 13 ล้านบาท หรือในปี 2560 ขาดทุนไปเกือบ 10 ล้านบาท
"ผมรับรองว่า ก.พ. มี.ค เม.ษ นี้ ตั้งแต่นายพลยันพันเอก ไม่มีงานทำแน่หลายคน และผมก็ไม่สนด้วย เพราะรู้ข้อมูลลึก ผมเติบโตมากับความที่รู้สึกว่ามันไม่ถูกหลายๆ อย่าง ผมไปกราบเรียนนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า พี่ครับผมต้องทำ ผมยกตัวอย่าง เช่น มีใครกล้ายกเลิกทีมสโมสรฟุตบอลอาร์มี่ ยูไนเต็ด" นี่คือคำพูดของ "บิ๊กแดง" ล่าสุด
จะเห็นได้ว่าวรรคสุดท้าย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ กล่าวถึงทีม อาร์มี ยูไนเต็ด แบบนี้นัยยะ เป็นไปได้ว่าที่ผ่านมา ทีม "สุภาพบุรุษวงจักร" ที่ถูกบริหารโดยกองทัพบก อาจไม่ได้ประสบปัญหาแค่การขาดทุนเพียงอย่างเดียว แต่อาจไปข้อเกี่ยวกับระบบนายทุนที่เอื้อต่อการแสวงหาผลประโยชน์บางอย่างให้แก่นายทหารชั้นผู้ใหญ่บางคน
ไม่แน่ภายในทีม อาร์มี่ ยูไนเต็ด อาจจะมีการบริหารที่เอารัดเอาเปรียบฉวยประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งค่าตั๋วในแต่ละนัดที่เวลาไปเยือนทีมไหนเจ้าบ้านจะทราบกันดี ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าเล็กน้อยที่ใหญ่กว่านี้จำนวนเงินมากกว่านี้อีกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ
ซึ่งถ้า อาร์มี ยูไนเต็ด ต้องปิดตำนาน 103 ปี ลงไปเพราะเรื่องของการขาดทุนเพียงอย่างเดียว ทำไม "บิ๊กแดง" ถึงนำเรื่องของการยุบทีม "สุภาพบุรุษวงจักร" มาพูดรวมไปกับเรื่องการปฏิรูปแก้ไขปัญหาต่างๆ ในกองทัพ เฉกเช่นสนามกอล์ฟ สนามมวย โรงแรม ฯลฯ ภายหลังเกิดเหตุกราดยิงที่โคราช
หรือต้นตอที่แท้จริงของการยุบ "อาร์มี ยูไนเต็ด" กองทัพบกอาจจะมีปัญหามากกว่าแค่การ "ขาดทุน" ก็เป็นได้ โดยเมื่อทราบปัญหาก็เลยชิงลงมือก่อนด้วยการยุบทีมไม่อยากให้ใครมาสอบต้นตอ เพราะภาพที่ออกมาจะได้ไม่เสีย มีอะไรก็เก็บเอาไว้เคลียร์กันภายในเหมือนกับสังคมทหารที่ทุกคนทราบกันดีว่าเป็นอย่างไรเอาพรรคเอาพวกพี่น้องต้องมาก่อน