สาวกลูกหนังของ ลีดส์ ยูไนเต็ด อดีตสโมสรผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษ กำลังติดตามข่าวอย่างใจจดใจจ่อหลังมีรายงานว่าพวกเขากำลังจะได้ประธานสโมสรคนใหม่ที่มาพร้อมกับเงินถุงเงินถังหลายพันล้านจากกาตาร์ และยินดีทุ่มเงินเพื่อยกระดับทีมขึ้นไปต่อกรกับสโมสรมหาเศรษฐีอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี กับ เชลซี หรือเรียกว่ารีโนเวตใหม่ก็ว่าได้
ลีดส์ ยูไนเต็ด อดีตแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัย ที่เคยอุดมไปด้วยแข้งนามอุโฆษทั้ง กอร์ดอน สตรัคคัน, นอร์แมน ฮันเตอร์, บิลลี เบรมเนอร์, วินนี โจนส์, เอริค คันโตน่า, ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปัจจุบันเล่นอยู่ใน เดอะ แชมเปียนชิป ลีกระดับรองของประเทศมาหลายปี และมีโอกาสเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่น พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ อยู่หลายครั้งในช่วง 2-3 ปีหลัง แต่มักตกม้าตายช่วงท้ายซีซั่นทำให้ยังต้องรอโอกาสขึ้นลีกสูงสุดต่อไป
แม้จะตกไปเล่นลีกรองมานาน ทว่าอดีตที่เคยยิ่งใหญ่ของ “ยูงทอง” รวมถึงศักยภาพนักเตะชุดนี้ที่ไม่ได้เป็นรองใคร ทำให้ทีมยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มทุนต่างๆผู้หวังครอบครองกิจการของสโมสร ทว่าที่มาวินที่สุดเวลานี้คือกลุ่มทีมบริหารจาก กาตาร์ สปอร์ต อินเวสต์เมนต์ส (QSI) พร้อมจะเข้ามาลงทุนทำทีมต่อ และกลุ่มบริหารนี้ก็คือผู้อยู่เบื้องหลังพา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ผงาดคับฟ้าที่ฝรั่งเศส
และคนที่เป็นบิ๊กบอสของ QSI ก็ไม่ใช่ใครอื่นนั่นคือ นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี ประธานสโมสร ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่เมื่อหลังสร้าง PSG ให้กลายเป็นทีมโคตรแกร่งแห่ง ลีก เอิง ฝรั่งเศส แบบไม่มีใครสู้ได้ เจ้าตัวและทีมหุ้นส่วนก็มองหาการลงทุนใหม่ โดยมี ลีดส์ เป็นเป้าหมายอันดับ 1 ด้วยเงินทุนที่คาดว่าจะเทคโอเวอร์กันที่ 80 ล้านยูโร (ประมาณ 2,670 ล้านบาท)
กาตาร์ เป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีร่ำรวยจากธุรกิจในประเทศมากมายอาทิ น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, การส่งออก ฯลฯ แต่ นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี ไม่ได้เป็นเศรษฐีที่เกิดมาจากกองเงินกองทองของครอบครัวตั้งแต่เด็ก เขาเป็นลูกชายของคุณพ่อที่เป็นชาวประมง จับปลาขายหาเลี้ยงชีพเป็นหลัก แต่โชคดีที่ อัล-เคไลฟี เป็นเด็กชายใฝ่ดีทั้งเรื่องเรียนและกีฬา โดยเฉพาะกีฬาที่สนใจเป็นพิเศษซึ่งเอามาต่อยอดได้อีก
ก่อนจะกลายเป็นเศรษฐีระดับประเทศ อัล-เคไลฟี เคยเป็นนักกีฬาเทนนิสระดับอาชีพ ลงเล่นรายการ เอทีพี ทัวร์ ในช่วงระหว่างปี 1992-2002 ทั้งประเภทเดี่ยวและคู่ แม้จะไม่มีแชมป์ติดมือแต่มันก็นำพาให้เจ้าตัวได้รู้จักกับ ชีค ทามิม เจ้าชายแห่งกาตาร์ที่โปรดปรานกีฬาเทนนิส และกลายเป็นเพื่อนสนิทชิดเชื้อร่วมกันมาตลอด 30 ปี
ชีวิตของนักกีฬาหนุ่มจากเมืองซูร์ เติบโตแบบก้าวกระโดดจากการสนับสนุนของเจ้าชาย ชีค ทามิม เขาได้โอกาสทำความสนิทสนมกับราชวงศ์ของประเทศ ก่อนถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานสหพันธ์เทนนิสของกาตาร์ เมื่อปี 2008 และอีก 3 ปีต่อมาก็ได้ยกระดับตนเองขึ้นเป็นประธานของ กาตาร์ สปอร์ต อินเวสต์เมนต์ส ดูแลเรื่องธุรกิจกีฬาในประเทศ ซึ่งมีมูลค่าถึง 338 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 13,190 ล้านบาท)
สิ่งที่ทำให้ อัล-เคลไลฟี เป็นที่รู้จักในวงการฟุตบอลระดับโลก คือการเข้าฮุบกิจการของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อปี 2013 โดยได้รับการเห็นชอบจากทีมผู้บริหาร QSI และช่วงเวลาจากนั้นทีมฟุตบอลของลีกเอิง ที่เคยมีชื่อเสียงแต่ในระดับประเทศ ก้าวขึ้นมาเป็นทีมยักษ์แห่งยุโรปเต็มตัว กว้านซื้อซูเปอร์สตาร์มากมายแบบเงินทุนไม่มีวันหมดทั้ง เนย์มาร์, เอดินสัน คาวานี, คีเลียน เอ็มบัปเป้, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และยังเคยพา เดวิด เบ็คแฮม ตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาค้าแข้งในช่วงสั้นๆเพื่อโปรโมททีม
ไม่เพียงแค่ PSG ที่ทำกำไรมหาศาล อัล-เคไลฟี ยังมีอีกธุรกิจที่น่าสนใจคือการนั่งเก้าอี้ประธานของ บีอิน สปอร์ตส (Bein Sports) บริษัทถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลก และเป็นเจ้าของสตูดิโอภาพยนตร์ฮอลลีวูด มิราแม็กซ์ เจ้าของลิขสิทธิ์หนังดังระดับตำนานมากมาย รวมถึงสร้างหนังเรื่องใหม่อีกหลายเรื่องจนมีกำไรมหาศาล ยกสถานะเป็นเศรษฐีจากรายรับหลายช่องทางทั้งกีฬา ภาพยนตร์ และธุรกิจในบ้าน
เมื่อมีพร้อมทั้งเงินทุนและชื่อเสียงที่เชื่อถือได้ ทำให้เศรษฐีแห่งกรุงโดฮา และผองเพื่อนเล็งรุกธุรกิจลูกหนังอังกฤษเพิ่มเติม โดยมี ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นเป้าหมายสำคัญ และมีแนวโน้มเป็นไปได้สวยด้วยเมื่อเจ้าตัวนั้นสนิทสนมกับ อันเดรีย ราดริซซานี เจ้าของปัจจุบันของ ลีดส์ เป็นอย่างดี แถมยังเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันหลายอย่าง รวมถึงส่งแข้งเยาวชน “ยูงทอง” ไปบ่มเพาะฝีเท้ากับ แอสไพร์ อะคาเดมีฟุตบอลสุดล้ำสมัยในกรุงโดฮา มานานหลายปี
ทั้งนี้ กลุ่มทุนจากกาตาร์ เคยคิดครอบครองกิจการ ควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส แต่ก็เบนเข็มไปที่ ลีดส์ หลังเจรจากับฝ่ายแรกไม่สำเร็จ แน่นอนว่าการเข้ามาฮุบลีดส์ ของกลุ่ม QSI หากเกิดขึ้นจริง ด้วยศักยภาพการเงินและทีมมาร์เกตติ้งระดับโปร จะทำให้ ลีดส์ สร้างฐานแฟนบอลหน้าใหม่ได้มากขึ้นหากเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ อีกครั้ง และมีแนวโน้มจะได้เห็นกองหน้าดีกรีแชมป์โลกจากฝรั่งเศสที่กำลังมาแรงมากอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ โยกย้ายมาสร้างชื่อที่แดนผู้ดีเช่นกัน รวมถึงเสริมทัพผู้เล่นชื่อดังได้แบบไม่อั้น
เป็นที่รู้กันว่าวงการฟุตบอลของอังกฤษ ความสัมพันธ์ระหว่างสโมสรกับแฟนบอลที่ฝังรากกันมาอย่างเหนียวแน่นราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน มักต่อต้านพวกทุนนิยมที่หวังเข้ามาหาผลประโยชน์จากทีม แต่ด้วยวงการลูกหนังยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไปมหาศาล การใช้เงินเนรมิตความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากเจ้าของใหม่มีความจริงใจที่จะช่วยให้ทีมมีศักยภาพที่ดีขึ้นจริง และชื่อชั้นของ อัล-เคไลฟี กับกลุ่ม QSI ก็เชื่อขนมกินได้อยู่แล้ว ที่เหลือก็รอแค่ว่าจะมีการประกาศฮุบ ลีดส์ เมื่อไหร่เท่านั้น