คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ภาพยนตร์ “ซูเปอร์แมน รีเทิร์น” กลับมาโลดแล่นบนจอเงิน เมื่อปี 2006 หลังห่างหายไปนาน 20 ปี หรือว่าจะเป็นการกลับมาภายใต้ชื่อ “แมน ออฟ สตีล” เมื่อปี 2013 ทว่าสำหรับโลกความจริง ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เจ้าของสมญา “ซูเปอร์แมน” ของ บาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ทำท่าจะไปได้สวยกับ แอลเอ เลเกอร์ส นับตั้งแต่เปิดฉากฤดูกาลปกติ 2019-20
แฟนๆ NBA หลายคน อาจลืมชื่อ ฮาวเวิร์ด กันแล้วว่า ช่วงพีกของชายคนนี้ เคยแบก ออร์แลนโด แมจิก สยบ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ภายใต้การนำของ เลอบรอน เจมส์ เข้ารอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 2009 หรือครั้งแรกตั้งแต่ปี 1995 และคว้ารางวัลผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยม 3 สมัยติดต่อกัน ปี 2009-2011 ก่อนถูกปัญหาบาดเจ็บรุมเร้า ซัดเซพเนจรขอโอกาสพิสูจน์ตัวเอง กระทั่งมาลงเอยกับ เลเกอร์ส ครั้งที่ 2
เซ็นเตอร์ ออล-สตาร์ 8 สมัย อำลามหานคร ลอส แองเจลิส แบบไม่สวยเท่าไร เมื่อปี 2013 ตามกระแสข่าวว่า ขัดแย้งกับ โคบี ไบรอันท์ การ์ดแห่งแฟรนไชส์ ณ เวลานั้น เพราะต้องการแย่งชิงบทบาทผู้นำ แต่การรีเทิร์นสู่ สเตเปิล เซ็นเตอร์ ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ช่วงประจวบเหมาะกับตอนที่ถูก เมมฟิส กริซซ์ลีส์ หั่นชื่อทิ้ง และ เลเกอร์ส ต้องการเซ็นเตอร์ทดแทน เดอมาร์คัส เคาซินส์ ที่บาดเจ็บตั้งแต่ยังไม่เริ่มฤดูกาลนี้
ด้วยอายุอานามของ ฮาเวิร์ด กำลังย่างเข้าสู่ 34 ปี บางทีความคิดความอ่านน่าจะเติบโตขึ้น และหากล้มเหลวกับโอกาสครั้งนี้อีก ก็คงไม่มีใครต้องการอีกแล้ว จึงกลายเป็นจุดกำเนิดของรูปร่างที่ดูฟิตเปรี๊ยะ เห็นมัดกล้ามเนื้อชัดเจนยิ่งขึ้น และการทำงานหนักช่วงออฟซีซัน ตอบแทนด้วยค่าเฉลี่ย 6.7 แต้ม 7.9 รีบาวน์ด และสถิติบล็อก 2.1 ครั้ง สูงสุดอันดับ 9 ของลีก
ยุคก่อนๆ เราอาจได้ยินคำว่า “แฮ็ค อะ ฮาวเวิร์ด” สื่อถึงสมัย ฮาวเวิร์ด กำลังรุ่งเรือง เพื่อนๆ มักยัดบอลให้เล่นโพสต์ใต้แป้นเสมอๆ วันไหนเผชิญหน้าทีมที่มีเฮดโค้ชเก๋าๆ บวกความเจ้าเล่ห์ ก็มักถูกจับฟาวล์ เพื่อเสี่ยงให้ยิงลูกโทษที่เป็นปมด้อยประจำตัว เหมือนสมัย ชาคิลล์ โอ'นีล เซ็นเตอร์รุ่นพี่ หรือเจ้าของ “ซูเปอร์แมน” คนแรก ถูกเล่นงานอยู่บ่อยๆ
พอยุคสมัยเปลี่ยนไป เกมบุกของ NBA รวดเร็วขึ้นตามเทรนด์ “สมอลล์ บอลล์ (ไม่มีเซ็นเตอร์อาชีพ)” และอาวุธหลัก คือ ลูกยิง 3 คะแนน ทำให้ ฮาวเวิร์ด ต้องปรับตัว หันมาช่วยการสกรีน หรือเน้นขายจุดเด่นด้านป้องกันพื้นที่ใต้แป้น อาทิ บ็อกซ์ เอาท์ เพื่อแย่งรีบาวน์ด และคอยซ้อนเพื่อนร่วมทีม รอจังหวะขึ้นบล็อก แล้วปล่อยให้ เลอบรอน กับ แอนโธนี เดวิส รับผิดชอบเกมบุกเต็มๆ
เทียบผลงาน เลเกอร์ส ช่วง 7 เกมแรกของฤดูกาลที่แล้ว สถิติ ชนะ 2 แพ้ 5 แบบเสียเกิน 100 แต้มทั้งหมด แต่มาฤดูกาลนี้ เสียเกิน 100 แต้ม แค่ 4 เกม หนึ่งในนั้นเป็นการเล่นถึงต่อเวลากับ ดัลลัส มาเวอริกส์ และดวลกับทีมลุ้นแชมป์อย่าง แอลเอ คลิปเปอร์ส ช่วงเปิดซีซัน พอจะเห็นเค้าโครงจางๆ ว่า การเซ็นสัญญา ฮาวเวิร์ด น่าจะตอบโจทย์ด้านเกมรับอย่างดี
เอ่ยถึงการลุ้นแชมป์คงต้องคอยดูระยะยาว เพราะฤดูกาลปกติของ NBA ยาวนานถึง 82 เกม ฮาวเวิร์ด อาจเป็นความแตกต่างด้านเกมรับ ซึ่ง แอลเอ คลิปเปอร์ส ไม่มี อาศัยเพียงแค่ คาไว เลียวนาร์ด กับ พอล จอร์จ คอยป้องกันวงนอก ยังไม่รู้ว่าหากถูกเจาะใต้แป้น ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ เพลย์ออฟฤดูกาลนี้ น่าจะมี เลเกอร์ส เข้าร่วมระดับทีมวาง 4 อันดับแรก กรณีไม่ข่าวร้ายทำนองว่า “คิงเจมส์” หรือ “เจ้าคิ้ว” บาดเจ็บหนัก