พลพรรค “เลส เบลอส์” ฝรั่งเศส ตีตั๋วเข้าชิงชนะเลิศลุ้นแชมป์โลก เวิลด์ คัพ สมัย 2 แบบทุลักทุเลเล็กน้อยหลังเฉือนชนะ เบลเยียม 1-0 จากประตูโขกชัยของ ซามูเอล อุมติตี เมื่อคืนวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ฟุตบอลโลก 2018
ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยียม
เกมรอบรองชนะเลิศที่ เครสตอฟสกี สเตเดียม ฝรั่งเศส ลงสนามเจอกับ เบลเยียม เพื่อแย่งตั๋วนัดชิงชนะเลิศ เกมนี้ “ตราไก่” วาง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยืนหน้าแล้วมี คิเลียน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์ และ พอล ป็อกบา ทำเกม ส่วนฝั่งตรงข้ามมี เอเดน อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์, โรเมลู ลูกากู 3 พระกาฬรอซัลโว
เบลเยียม เริ่มต้นบุกดีกว่าแต่ยังเจาะพื้นที่สุดท้ายไม่ได้จน นาที 15 เควิน เดอ บรอยน์ สะกิดให้ เอเดน อาซาร์ ลากเข้าเขตโทษแต่ยิงหลุดเสาไกล ขณะที่ นาที 18 ฝรั่งเศส ตอบโต้ เบลส มาตุยดี วิ่งมาหวดนอกเขตโทษแต่ ธิโบต์ คูร์ตัวส์ ปักหลักป้องกันได้สบาย
นาที 22 เบลเยียม น่าได้ประตูนำ มารูยาน เฟลไลนี ชงให้ โทบี อัลเดอร์เวเรลด์ ซัดตูมเต็มเท้าแต่ อูโก ยอริส ซูเปอร์เซฟปัดทิ้ง ถัดมา นาที 31 ฝรั่งเศส จะเอาประตูนำให้ได้บ้าง เบนจามิน พาวาร์ด เปิดฟรีคิกจากขวาเข้ากลาง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หันหลังโขกแต่ออกข้าง
นาที 38 โอกาสของ “ตราไก่” มาอีกครั้ง คีเลียน เอ็มบัปเป้ จ่ายตัดเข้าให้ เบนจามิน พาวาร์ด หลุดไปซัดที่เสาแรกแต่ ธิโบต์ คูร์ตัวส์ เอาขาเซฟทัน จากนั้นยังไม่มีประตูกันทั้งคู่ จบครึ่งแรกเสมอก่อน 0-0
ครึ่งหลังกลับมา นาที 51 ฝรั่งเศส ได้ประตูที่รอคอยจากลูกเตะมุม อองตวน กรีซมันน์ เปิดมาให้ ซามูเอล อุมติตี ขึ้นโขกตุง 1-0 ต่อมา นาที 65 เบลเยียม พลาดตีเสมอได้อย่างไร ดรีส เมอร์เทนส์ วางโด่งมาแล้ว มารูยาน เฟลไลนี เบียดตัวประกบขึ้นโขกเดี่ยวๆ แต่หลุดเสา
นาที 81 เบลเยียม ยังไม่ถอดใจ อเซล วิตเซล เก็บตกจังหวะสองซัดเต็มหลอด แต่ อูโก ยอริส ทุบทิ้งได้ อย่างไรก็ตาม เวลาก็สิ้นสุดลงโดยที่ตีเสมอไมได้ จบเกม ทีมของ ดิดิเยร์ เดสชองป์ส เข้ารอบชิงชนะเลิศไปลุ้นแชมป์โลกสมัย 2 ส่วน เบลเยียม ต้องไปชิงที่ 3 วันที่ 14 กรกฏาคม นี้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ฝรั่งเศส - อูโก ยอริส, ซามูเอล อุมติตี, ราฟาเอล วาราน, ลูคัส เอร์นานเดซ, เบนจามิน พาวาร์ด, อองตวน กรีซมันน์, พอล ป็อกบา, เอ็นโกโล ก็องเต้, โอลิวิเยร์ ชิรูด์, เบลส มาตุยดี, คีเลียน เอ็มบัปเป้
เบลเยียม - ธิโบต์ คูร์ตัวส์, แวงซองต์ กอมปานี, แยน แฟร์ตองเกน, โทบี อัลเดอร์เวเรลด์, อเซล วิตเซล, มารูยาน เฟลไลนี, มุสซา เดมเบเล่, เควิน เดอ บรอยน์, นาเซอร์ ชาดลี, เอเดน อาซาร์, โรเมลู ลูกากู